ตรัง - ตรังเปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ “เขาหัวแตก” เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบการผจญภัยด้วยกิจกรรมทางน้ำที่หลากหลาย ทั้งพายเรือคายัค เล่นน้ำท่ามกลางป่าไม้เขียวขจีนานาชนิดที่รายล้อม
วันนี้ (1 ต.ค.) นายกิตติเดช วรรณบวร หรือ ส.จ.หมอ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตรัง เขตอำเภอห้วยยอด พร้อมกับผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่ ต.เขากอบ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง ได้นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของจังหวัด ในบริเวณเขาหัวแตก พื้นที่สาธารณประโยชน์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีแหล่งน้ำล้อมรอบในเนื้อที่ 12 ไร่ และกำลังเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบแนวผจญภัย หรือแอดเวนเจอร์ (Adventure) เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมทางน้ำ ทั้งการพายเรือคายัค และการเล่นน้ำท่ามกลางป่าไม้เขียวขจีนานาชนิด ทั้งไม้บกและไม้น้ำที่ขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วทั้งภูเขาแห่งนี้
ทั้งนี้ เดิมทีเขาหัวแตก เป็นแหล่งน้ำจืดที่เกิดขึ้นมายาวนานแล้ว ซึ่งไหลจากเขื่อนท่างิ้วลงสู่คลองเขากอบ และแม่น้ำตรัง แต่ถูกนำไปใช้ประโยชน์เพียงแค่การแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำในหน้าแล้ง และการหากุ้งหอยปูปลาในหน้าฝน อย่างไรก็ตาม จากการหารือของผู้นำชุมชน และชาวบ้านในพื้นที่เห็นว่า ควรที่จะพัฒนาภูเขาแห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อเชื่อมต่อกับแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอื่นๆ ที่มีอยู่แล้วในตำบล โดยเฉพาะถ้ำเลเขากอบ ด้วยการสร้างกิจกรรมทางน้ำที่แตกต่างกันออกไป จึงได้ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น อบจ.ตรัง สำนักงานคุมประพฤติ เพื่อลงมือพัฒนาพื้นที่นับตั้งเมื่อเดือน มิ.ย.2558
ด้วยจุดเด่นของเขาหัวแตก นั่นคือ การเป็นภูเขาที่มีส่วนยอดลักษณะเว้าแหว่งเหมือนกับชื่อ และสูงตระหง่านตั้งแต่ 150-175 เมตร โดยมีน้ำสีเขียวมรกต ซึ่งเกิดจากการสะท้อนแสงของต้นไม้น้อยใหญ่ที่ลึก 3-5 เมตร เมื่อลอกผักตบ และวัชพืชต่างๆ พร้อมกับการก่อสร้างศาลาพักผ่อน ห้องน้ำ และถนน จึงทำให้ภูเขาแห่งนี้เกิดความน่าสนใจ และเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวด้วย โดยเฉพาะหลังจากที่กลุ่มส่งเสริมการท่องเที่ยวเขาหัวแตก มีมติให้เช่าเรือคายัคจาก อบจ.ตรัง จำนวน 7 ลำ มาให้บริการในราคาลำละ 120 บาทต่อนักท่องเที่ยว 2 คน และสามารถพายเรือล่องชมได้อย่างเต็มที่แบบไม่กำจัดเวลา
ล่าสุด ได้มีการสร้างจุดขายของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ให้เป็น “กรีนวิวพ์ 180 องศา@เขาหัวแตก” ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวแบบผจญภัยที่ไม่หวือหวามากนัก แต่สามารถสัมผัสธรรมชาติได้อย่างใกล้ชิด รวมทั้งยังมีมุมเซลฟี่ หรือมุมถ่ายภาพที่สวยงามจำนวนหลายจุด ทั้งบนบก และในน้ำ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวชม หรือพักผ่อนกันมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล หรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่จะมีวันละไม่ต่ำกว่า 200-300 คน นอกจากนั้น ยังพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การเรียนรู้ของนักเรียนในชุมชน ทั้งในด้านการกีฬา หรือการนันทนาการต่างๆ เพื่อช่วยส่งเสริม และพัฒนาการท่องเที่ยวให้มีศักยภาพสูงขึ้น
