กระบี่ - สมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกินเดือด บุกศาลกลางเรียกร้องความเป็นธรรม หลังจากแกนนำ และสมาชิกถูกออกหมายจับกว่า 200 ราย พร้อมทั้งจี้ให้ดำเนินคดีต่อนายทุนที่ยังครอบครองสวนปาล์มขาดอายุสัมปทาน

เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (7 ก.ย.) นางศุภกานต์ สุขสังวาลย์ ตัวแทนกลุ่มสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน นำสมาชิกประมาณ 400 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณใต้ต้นไทร ข้างศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือถึง นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่สมาชิก หลังจากแกนนำ และสมาชิกถูกออกหมายจับกว่า 200 คน พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินคดีต่อนายทุนที่ยังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่ในสวนปาล์มหมดสัมปทาน และคดีที่สมาชิกถูกดำเนินคดีด้วยความไม่เป็นธรรม โดยมี นายสุพัชรพงศ์ วรประดิษฐ์ ป้องกันจังหวัดกระบี่ เป็นตัวแทนรับเรื่อง

นางศุภกานต์ สุขสังวาลย์ ตัวแทนกลุ่มสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน กล่าวว่า การเดินทางมารวมตัวกันที่ศาลากลางในครั้งนี้เพื่อยื่นหนังสือถึง นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่แกนนำ และสมาชิกที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ รวม 221 หมายจับ โดยขอให้ทบทวนก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และนายทุนใช้ที่ดินที่หมดสัมปทานที่เดียวกันในการแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มของของตน ทั้งที่ยังไม่มีการตรวจสอบพื้นที่ให้ชัดเจนเสียก่อน จึงไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้เสียหายกันแน่ระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และนายทุน

และขอให้ดำเนินคดีต่อนายทุนที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ในสวนปาล์ม และทำประโยชน์อยู่ในพื้นที่ที่หมดอายุสัมปทาน และได้บุกรุกที่ดินรัฐเพิ่มเติม ในความผิดฐานบุกรุก และเรียกที่ดินของรัฐคืนมาจัดสรรให้แก่คนยากจนไร้ที่ดินทำกิน เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่เคยมีการดำเนินคดีต่อนายทุนแต่อย่างใด ทั้งที่พื้นที่บางแปลงขาดอายุสัมปทานมาแล้วกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ขอให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ อส.จ.กระบี่ เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ด้วย เนื่องจากได้มีกลุ่มของนายทุนที่สูญเสียผลประโยชน์ในพื้นที่ ม.9 และ 10 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ เข้าก่อเหตุอาชญากรรมรายวันในพื้นที่อย่างต่อเนื่องโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
โดยในเบื้องต้น ทางจังหวัดได้รับปากจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยให้ ส่วนในเรื่องของการแจ้งความดำเนินคดีต่อแกนนำ และสมาชิกฯ ก็ขอให้ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ทำให้กลุ่มสมาคมฯ พอใจ และแยกย้ายกันกลับ
เมื่อเวลา 11.30 น.วันนี้ (7 ก.ย.) นางศุภกานต์ สุขสังวาลย์ ตัวแทนกลุ่มสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน นำสมาชิกประมาณ 400 คน เดินทางมารวมตัวกันที่บริเวณใต้ต้นไทร ข้างศาลากลางจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือถึง นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่สมาชิก หลังจากแกนนำ และสมาชิกถูกออกหมายจับกว่า 200 คน พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินคดีต่อนายทุนที่ยังเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่ในสวนปาล์มหมดสัมปทาน และคดีที่สมาชิกถูกดำเนินคดีด้วยความไม่เป็นธรรม โดยมี นายสุพัชรพงศ์ วรประดิษฐ์ ป้องกันจังหวัดกระบี่ เป็นตัวแทนรับเรื่อง
นางศุภกานต์ สุขสังวาลย์ ตัวแทนกลุ่มสมาคมคนไทยไร้ที่ดินทำกิน กล่าวว่า การเดินทางมารวมตัวกันที่ศาลากลางในครั้งนี้เพื่อยื่นหนังสือถึง นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่แกนนำ และสมาชิกที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาต่างๆ รวม 221 หมายจับ โดยขอให้ทบทวนก่อน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และนายทุนใช้ที่ดินที่หมดสัมปทานที่เดียวกันในการแจ้งความดำเนินคดีต่อกลุ่มของของตน ทั้งที่ยังไม่มีการตรวจสอบพื้นที่ให้ชัดเจนเสียก่อน จึงไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้เสียหายกันแน่ระหว่างเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และนายทุน
และขอให้ดำเนินคดีต่อนายทุนที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ในสวนปาล์ม และทำประโยชน์อยู่ในพื้นที่ที่หมดอายุสัมปทาน และได้บุกรุกที่ดินรัฐเพิ่มเติม ในความผิดฐานบุกรุก และเรียกที่ดินของรัฐคืนมาจัดสรรให้แก่คนยากจนไร้ที่ดินทำกิน เนื่องจากที่ผ่านมา ไม่เคยมีการดำเนินคดีต่อนายทุนแต่อย่างใด ทั้งที่พื้นที่บางแปลงขาดอายุสัมปทานมาแล้วกว่า 10 ปี นอกจากนี้ ขอให้จัดส่งเจ้าหน้าที่ อส.จ.กระบี่ เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยภายในพื้นที่ด้วย เนื่องจากได้มีกลุ่มของนายทุนที่สูญเสียผลประโยชน์ในพื้นที่ ม.9 และ 10 ต.กระบี่น้อย อ.เมือง จ.กระบี่ เข้าก่อเหตุอาชญากรรมรายวันในพื้นที่อย่างต่อเนื่องโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย
โดยในเบื้องต้น ทางจังหวัดได้รับปากจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลความสงบเรียบร้อยให้ ส่วนในเรื่องของการแจ้งความดำเนินคดีต่อแกนนำ และสมาชิกฯ ก็ขอให้ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ทำให้กลุ่มสมาคมฯ พอใจ และแยกย้ายกันกลับ