กระบี่ - เกษตรกรชาวสวนยางกระบี่ รวยเงินล้าน หลังยึดอาชีพปลูกสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตเป็นอาชีพเสริม เผยมีพ่อค้ามารับซื้อถึงสวน ราคาลูกละ 18 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวสวนยางพารา ในอำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จ.กระบี่ หันมาปลูกสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตกันเป็นจำนวนมาก หลังปีนี้ขายได้ราคาดี และมีตลาดแน่นอน ล่าสุด ราคาลูกละ 18-20 บาท สร้างรายได้ให้เกษตร ปีละกว่า 1 ล้านบาทต่อราย เนื่องจากสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตได้รับความนิยมสูงเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากมีรสชาติหวานกรอบ เนื้อแน่น เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ
นายพนม สามารถ อายุ 60 ปี เกษตรกรชาวสวนยางพารา อยู่บ้านเลขที่ 112 ม.3 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ กล่าวว่า ตนได้ขอใช้พื้นที่สวนยางพาราขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ตำบลเพหลา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เนื้อที่กว่า 100 ไร่ เพื่อปลูกสับปะรด เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพารายได้จากการกรีดยางได้ในช่วงนี้ เนื่องจากราคายางพาราตกต่ำจึงหันมาทดลองปลูกสับปะรดเป็นอาชีพเสริม โดยนำพันธุ์มาจากภูเก็ต ตอนแรกก็ปลูกไม่มากเพียงแค่ 20-30 ไร่ ภายในสวนยางของตนเอง โดยจะปลูกตามร่องสวนยางพาราที่อายุไม่เกิน 4 ปี
หลังทดลองปลูกไปได้ประมาณ 2 ปี พบว่า ได้ผลดี และมีตลาดรับซื้อแน่นอน และมีแนวโน้มราคาดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในปีนี้พบว่า สับปะรดมีราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมา มีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ในราคาลูกละ 18 บาท ขณะที่ปีที่ผ่านมา ลูกละ 13-15 บาท แต่ผลผลิตก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเป็น100 ไร่ โดยขอใช้พื้นที่สวนยางขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ริมถนนเพชรเกษม ต.เพหลา อ.คลองท่อม โดยปลูกไปกว่า 4 หมื่นต้น และยังมีเกษตรกรอีกหลายรายมาปลูกในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่พื้นที่ภูเก็ตแหล่งกำเนิดสับปะรดสายพันธุ์กล่าวมีพื้นที่น้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้มีการขยายพื้นที่ปลูกในกระบี่ได้มากขึ้น
นายพนม ยังบอกอีกว่า ข้อดีของการปลูกสับปะรดนั้นคือ มีความเสี่ยงน้อยมาก เพราะเป็นผลไม้ที่ทนต่อสภาพอากาศ ไม่มีโรคระบาด โอกาสตายแทบไม่มี สิ่งที่ต้องระวังคือ หนู แต่ก็มีวิธีการคือ ใช้วิธีการดักด้วยตาข่าย หรือใช้กรงดักจับหนู นอกจากนี้ ต้นทุนการปลูกสับปะรดก็ไม่สูง เฉลี่ยต้นละ 4 บาท แต่ราคาขายลูกละ 18-20 บาท ทำให้มีกำไรหลายเท่าตัว ส่วนการดูแลรักษาก็คอยกำจัดวัชพืชที่ขึ้นมาปกคลุมต้นสับปะรดเท่านั้น ไม่ต้องมีการดน้ำแต่อย่างใด การใส่ปุ๋ยก็ไม่บ่อยเพียง 3 เดือนต่อครั้ง ครบระยะเวลา1 ปี ก็สามรถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ โดยในปีที่ผ่านมา ตนมีรายได้จากปลูกสับปะรด จำนวนกว่า 1 ล้านบาท หากใครสนใจปลูกก็ยินดีให้คำแนะนำฟรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรชาวสวนยางพารา ในอำเภอคลองท่อม และอำเภอเกาะลันตา จ.กระบี่ หันมาปลูกสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตกันเป็นจำนวนมาก หลังปีนี้ขายได้ราคาดี และมีตลาดแน่นอน ล่าสุด ราคาลูกละ 18-20 บาท สร้างรายได้ให้เกษตร ปีละกว่า 1 ล้านบาทต่อราย เนื่องจากสับปะรดพันธุ์ภูเก็ตได้รับความนิยมสูงเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากมีรสชาติหวานกรอบ เนื้อแน่น เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวต่างชาติ
นายพนม สามารถ อายุ 60 ปี เกษตรกรชาวสวนยางพารา อยู่บ้านเลขที่ 112 ม.3 ต.คลองยาง อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ กล่าวว่า ตนได้ขอใช้พื้นที่สวนยางพาราขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) ตำบลเพหลา อ.คลองท่อม จ.กระบี่ เนื้อที่กว่า 100 ไร่ เพื่อปลูกสับปะรด เนื่องจากไม่สามารถพึ่งพารายได้จากการกรีดยางได้ในช่วงนี้ เนื่องจากราคายางพาราตกต่ำจึงหันมาทดลองปลูกสับปะรดเป็นอาชีพเสริม โดยนำพันธุ์มาจากภูเก็ต ตอนแรกก็ปลูกไม่มากเพียงแค่ 20-30 ไร่ ภายในสวนยางของตนเอง โดยจะปลูกตามร่องสวนยางพาราที่อายุไม่เกิน 4 ปี
หลังทดลองปลูกไปได้ประมาณ 2 ปี พบว่า ได้ผลดี และมีตลาดรับซื้อแน่นอน และมีแนวโน้มราคาดีขึ้นเรื่อยๆ โดยในปีนี้พบว่า สับปะรดมีราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมา มีพ่อค้ามารับซื้อถึงที่ในราคาลูกละ 18 บาท ขณะที่ปีที่ผ่านมา ลูกละ 13-15 บาท แต่ผลผลิตก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด จึงได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเป็น100 ไร่ โดยขอใช้พื้นที่สวนยางขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ริมถนนเพชรเกษม ต.เพหลา อ.คลองท่อม โดยปลูกไปกว่า 4 หมื่นต้น และยังมีเกษตรกรอีกหลายรายมาปลูกในพื้นที่ดังกล่าว ขณะที่พื้นที่ภูเก็ตแหล่งกำเนิดสับปะรดสายพันธุ์กล่าวมีพื้นที่น้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้มีการขยายพื้นที่ปลูกในกระบี่ได้มากขึ้น
นายพนม ยังบอกอีกว่า ข้อดีของการปลูกสับปะรดนั้นคือ มีความเสี่ยงน้อยมาก เพราะเป็นผลไม้ที่ทนต่อสภาพอากาศ ไม่มีโรคระบาด โอกาสตายแทบไม่มี สิ่งที่ต้องระวังคือ หนู แต่ก็มีวิธีการคือ ใช้วิธีการดักด้วยตาข่าย หรือใช้กรงดักจับหนู นอกจากนี้ ต้นทุนการปลูกสับปะรดก็ไม่สูง เฉลี่ยต้นละ 4 บาท แต่ราคาขายลูกละ 18-20 บาท ทำให้มีกำไรหลายเท่าตัว ส่วนการดูแลรักษาก็คอยกำจัดวัชพืชที่ขึ้นมาปกคลุมต้นสับปะรดเท่านั้น ไม่ต้องมีการดน้ำแต่อย่างใด การใส่ปุ๋ยก็ไม่บ่อยเพียง 3 เดือนต่อครั้ง ครบระยะเวลา1 ปี ก็สามรถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ โดยในปีที่ผ่านมา ตนมีรายได้จากปลูกสับปะรด จำนวนกว่า 1 ล้านบาท หากใครสนใจปลูกก็ยินดีให้คำแนะนำฟรี