กระบี่ - กัปตัน และลูกเรือบรรทุกสินค้าล่มเกาะสี่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ รอดหวุดหวิด เรือประมงไซหมึกที่วิ่งผ่านมาพบและเข้าช่วยเหลือไว้ได้ปลอดภัย เผยวินาทีก่อนเรือจม เจอคลื่นใหญ่ 2 ลูกซ้อนซัดเข้าลำเรือ
จากกรณีเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) พ.ต.ท.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ รับแจ้งมีเหตุเรือบรรทุกสินค้าล่มที่บริเวณเกาะสี่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ห่างจากเกาะพีพีประมาณ 7 ไมล์ทะเล โดยในเบื้องต้นทราบว่า ชื่อเรือที่ประสบเหตุ ชื่อ ผลบุญพีพีดอน 1 ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร บรรทุกวัสดุก่อสร้าง ออกเดินทางจากท่าเทียบเรือเมืองกระบี่ ไปยังเกาะพีพี ถูกคลื่นซัดจมลงทะเลพร้อมกับสินค้า ส่วนลูกเรือ และกัปตัน 2 คน ยังไม่สามารถติดต่อได้
หลังรับแจ้งทาง พ.ต.ท.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ออกทำการตรวจสอบช่วยเหลือกัปตัน และลูกเรือทั้ง 2 คนทันที โดยประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ศูนย์เจ้าฟ้า และหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลเกาะลันตาน้อย กองทัพเรือ
แต่อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมเรือตรวจการณ์เพื่อออกไปช่วยเหลือ ทางตำรวจน้ำกระบี่ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานเกาะไผ่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ว่า ได้มีเรือประมงไซหมึกให้ความช่วยเหลือลูกเรือ และกัปตันเรือไว้ได้แล้วทั้ง 2 คน โดยนำขึ้นฝั่งที่เกาะไผ่ และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว โดยทั้ง 2 คน ปลอดภัยดี
จากการตรวจสอบทราบชื่อทั้ง 2 คน คือ นายอนันต์ บวบทอง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/71 ม.7 ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ เป็นกัปตันเรือ และนายสมพร จินดากร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/7 ถ.ศฤงคารพัฒนา ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมืองกระบี่ เป็นลูกเรือ ซึ่งทั้ง 2 คน อยู่ในสภาพอ่อนเพลีย ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้ให้ผ้าห่ม และน้ำอุ่นปรับสภาพอุณหภูมิร่างกาย
หลังจากนั้น ทางเจ้าของเรือได้นำเรือมารับกัปตัน และลูกเรือกลับไปยังเกาะพีพี และนำตัวไปรักษาโรงพยาบาลต่อไป ส่วนเรือที่ประสบเหตุขณะนี้ยังจมอยู่ก้นทะเลพร้อมสินค้ายังไม่สามารถกู้ได้ ซึ่งความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 7 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามกัปตันเรือ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเรือลำดังกล่าวมุ่งหน้าจากเมืองกระบี่ ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 20 ส.ค.มุ่งหน้าไปเกาะพีพี โดยบรรทุกปูนซีเมนต์ ประมาณ 30 กระสอบ ทราย อิฐบล็อก และหินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในช่วงก่อนเดินทางสภาพคลื่นลมสงบมีคลื่นพียงเล็กน้อย แต่ระหว่างที่เรือวิ่งมาถึงบริเวณเกาะไผ่ ได้มีคลื่นขนาดใหญ่สูงกว่า 3 เมตร ซัดมาที่เรือจนน้ำเข้าเรือ จากนั้นก็มีคลื่นอีกลูกซัดเข้าใส่เรืออย่างจัง จนเรือล่ม และจมลงสู่ก้นทะเล ระหว่างนั้นตน และลูกเรือได้เกาะแกลลอนน้ำมันลอยคออยู่ในทะเล นาน 4 ชม. ท่ามกลางกระแสคลื่นลมที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีที่มีเรือไซหมึกมาพบและช่วยนำขึ้นฝั่งที่เกาะไผ่ จนปลอดภัยทั้ง 2 คน
จากกรณีเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) พ.ต.ท.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ รับแจ้งมีเหตุเรือบรรทุกสินค้าล่มที่บริเวณเกาะสี่ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ห่างจากเกาะพีพีประมาณ 7 ไมล์ทะเล โดยในเบื้องต้นทราบว่า ชื่อเรือที่ประสบเหตุ ชื่อ ผลบุญพีพีดอน 1 ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร บรรทุกวัสดุก่อสร้าง ออกเดินทางจากท่าเทียบเรือเมืองกระบี่ ไปยังเกาะพีพี ถูกคลื่นซัดจมลงทะเลพร้อมกับสินค้า ส่วนลูกเรือ และกัปตัน 2 คน ยังไม่สามารถติดต่อได้
หลังรับแจ้งทาง พ.ต.ท.อนุรักษ์ ปริญญาสถิรกุล สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 1 กองกำกับการ 9 กองบังคับการตำรวจน้ำ จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ออกทำการตรวจสอบช่วยเหลือกัปตัน และลูกเรือทั้ง 2 คนทันที โดยประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ศูนย์เจ้าฟ้า และหน่วยรักษาความปลอดภัยทางทะเลเกาะลันตาน้อย กองทัพเรือ
แต่อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังเตรียมเรือตรวจการณ์เพื่อออกไปช่วยเหลือ ทางตำรวจน้ำกระบี่ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานเกาะไผ่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ว่า ได้มีเรือประมงไซหมึกให้ความช่วยเหลือลูกเรือ และกัปตันเรือไว้ได้แล้วทั้ง 2 คน โดยนำขึ้นฝั่งที่เกาะไผ่ และให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว โดยทั้ง 2 คน ปลอดภัยดี
จากการตรวจสอบทราบชื่อทั้ง 2 คน คือ นายอนันต์ บวบทอง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 9/71 ม.7 ต.ไสไทย อ.เมืองกระบี่ เป็นกัปตันเรือ และนายสมพร จินดากร อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 5/7 ถ.ศฤงคารพัฒนา ต.กระบี่ใหญ่ อ.เมืองกระบี่ เป็นลูกเรือ ซึ่งทั้ง 2 คน อยู่ในสภาพอ่อนเพลีย ทางเจ้าหน้าที่อุทยานได้ให้ผ้าห่ม และน้ำอุ่นปรับสภาพอุณหภูมิร่างกาย
หลังจากนั้น ทางเจ้าของเรือได้นำเรือมารับกัปตัน และลูกเรือกลับไปยังเกาะพีพี และนำตัวไปรักษาโรงพยาบาลต่อไป ส่วนเรือที่ประสบเหตุขณะนี้ยังจมอยู่ก้นทะเลพร้อมสินค้ายังไม่สามารถกู้ได้ ซึ่งความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 7 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามกัปตันเรือ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุเรือลำดังกล่าวมุ่งหน้าจากเมืองกระบี่ ในช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 20 ส.ค.มุ่งหน้าไปเกาะพีพี โดยบรรทุกปูนซีเมนต์ ประมาณ 30 กระสอบ ทราย อิฐบล็อก และหินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในช่วงก่อนเดินทางสภาพคลื่นลมสงบมีคลื่นพียงเล็กน้อย แต่ระหว่างที่เรือวิ่งมาถึงบริเวณเกาะไผ่ ได้มีคลื่นขนาดใหญ่สูงกว่า 3 เมตร ซัดมาที่เรือจนน้ำเข้าเรือ จากนั้นก็มีคลื่นอีกลูกซัดเข้าใส่เรืออย่างจัง จนเรือล่ม และจมลงสู่ก้นทะเล ระหว่างนั้นตน และลูกเรือได้เกาะแกลลอนน้ำมันลอยคออยู่ในทะเล นาน 4 ชม. ท่ามกลางกระแสคลื่นลมที่มีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง แต่โชคดีที่มีเรือไซหมึกมาพบและช่วยนำขึ้นฝั่งที่เกาะไผ่ จนปลอดภัยทั้ง 2 คน
