ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หนุ่มใหญ่อเมริกันคบหาดูใจกับสาวไทยวัย 46 ผ่านเฟซบุ๊กเกิดชอบพอกันจนขนเสื้อผ้าบินตรงจากอเมริกา นัดพบกันที่ อ.หาดใหญ่ หวังแต่งงานใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน แต่ต้องผิดหวังทั้งคน 2 คน จนเกิดเรื่องราวถึงตำรวจ เนื่องจากฝ่ายชายแจ้งความว่าถูกขโมยเงิน 2,000 บาท ส่วนฝ่ายหญิงยืนกรานถูกแบล็กเมล์หลังพยายามปลีกตัวออกห่าง เผยถูกเอาเปรียบ และไม่ใช่หนุ่มในฝัน
วันนี้ (2 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.มนัส ธรรมดี รองสารวัตรปราบปราม ตำรวจท่องเที่ยวหาดใหญ่ ได้รับแจ้งจากพนักงานโรงแรมหาดใหญ่เมอริเดียน ตั้งอยู่ย่านถนนศรีภูวนารถ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ว่า มีเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติภายในห้องพัก 506 จึงประสานพนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ ไปทำการตรวจสอบ
โดยพบ นาย HAGAG AHMED MEGID อายุ 65 ปี ชาวอเมริกัน อยู่ภายในห้องพักกับ น.ส.ทรายแก้ว ควรเกลี้ยง อายุ 46 ปี ชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นหนุ่มชาวอเมริกันคนนี้บอกว่า ถูก น.ส.ทรายแก้ว ขโมยเงินในกระเป๋าไป 2,000 บาท แต่ น.ส.ทรายแก้ว ยืนกรานปฏิเสธไม่ได้เป็นคนขโมย แต่ถูกนาย HAGAG ใส่ร้ายเพราะตนจะขนเสื้อผ้าเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ถึงกับงงเพราะไม่รู้ว่าใครพูดจริงใครโกหก ในขณะที่สภาพภายในห้องพักมีกระเป๋าเสื้อผ้าของทั้ง 2 คน หลายใบอยู่ภายในห้องพัก พร้อมเครื่องใช้ส่วนตัวอื่นๆ
แต่หลังจากพยายามสืบสาวรางเรื่องก็ทราบว่า ทั้ง 2 คนตั้งใจนัดมาพบกันที่ อ.หาดใหญ่ และอยู่ด้วยกันตั้งแต่เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดย น.ส.ทรายแก้ว กล่าวให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า ได้รู้จักกับนาย HAGAG นาย ทางเฟชบุ๊ก และติดต่อพูดคุยกันมากว่า 1 เดือน โดยตนเปิดร้านเสริมสวยอยู่ที่ จ.ปัตตานี และทั้ง 2 คนรู้สึกมีใจให้กัน โดยเฉพาะตนต้องการที่จะทดลองคบหากับชาวต่างชาติดูเป็นครั้งแรกหากถูกใจก็จะแต่งงานด้วย
กระทั่ง นาย HAGAG ได้เดินทางมาจากอเมริกา และนัดเจอกันที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่31 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อดูตัวจริงของทั้ง 2 คน โดยเปิดห้องพักออกกินเที่ยวใน อ.หาดใหญ่และอยู่ด้วยกันมา 3 วัน แต่ปรากฏว่า เมื่อมาเจอกันตนรู้สึกผิดหวังในตัว นาย HAGAG เพราะไม่สุภาพ และเอาเปรียบตนต้องเสียค่าใช้จ่ายเองทั้งห้องพัก และอาหารการกินหมดเงินไปประมาณ 3,000 บาท ในวันนี้จึงได้เก็บข้าวของเพื่อเดินทางกลับบ้านที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่กลับถูก นาย HAGAG แบล็กเมล์ และสร้างเรื่องขึ้นมาว่าขโมยเงินไปซึ่งตนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมากทั้งที่ใจจริงอยากจะคบหา และอยู่ด้วยกัน
และจากการสอบสวน นาย HAGAG ให้การว่ารู้สึกชอบพอ น.ส.ทรายแก้ว และได้ขนเสื้อผ้ามาจากอเมริกาเพื่อที่มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน โดยตนมีอาชีพเป็นหัวหน้าโรงงานเสื้อผ้า แต่ปรากฏว่าหลังจากที่อยู่ด้วยกัน 3 วัน น.ส.ทรายแก้ว กลับปฏิเสธที่จะอยู่ด้วยกัน และขนเสื้อผ้ากลับบ้าน ตนจึงรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก และยืนยันว่าเงินได้หายไป 2,000 บาทจริง จึงโมโห และแจ้งความตำรวจ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เคลียร์ และทำความเข้าใจกับทั้งสองฝ่ายก็สามารถตกลงกันได้ โดย นาย HAGAG ไม่ติดใจเอาความเรื่องเงินหาย ส่วน น.ส.ทรายแก้ว ก็เก็บเสื้อผ้าออกจากห้อง และทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างไปด้วยความผิดหวัง จากทีแรกที่คิดจะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแต่เมื่อมาพบกันจริงๆ กลับไม่เป็นไปตามที่คิดไว้