xs
xsm
sm
md
lg

ชมเมืองสงขลาแบบตาเหยี่ยว เที่ยว “เขาตังกวน” ชวนแฟนคล้องกุญแจรัก และไหว้พระธาตุเจดีย์หลวง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พระธาตุเจดีย์หลวงเด่นตระหง่านบนยอดเขาตังกวน
 
เรื่อง/ภาพ : อริสา สีรัตน์, มารีหยาม มุเส็มสะเดา, ชเนตตี ศรีบุญนาค, จักรพงศ์ คงเพ็ง, เจนณรงค์ พินลานทุ่ม
 
นอกจาก “หาดสมิหลา” ที่ทำหน้าที่เป็น “ห้องรับแขกภาคใต้” ชนิดกระฉ่อนชื่อคู่บ้านคู่เมืองมานมนามแล้ว “เมืองสงขลา” ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมาย ซึ่งสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมเยือนอย่างไม่น่าจะรู้จักเบื่อ เพราะเมืองเก่าอายุอานามนับร้อยปีมากเสน่ห์แห่งนี้มีอะไรๆ ให้ตื่นตาได้ตลอดทั้งปี
 
นมัสการพระพุทธชินราชจำลอง
 
“เขาตังกวน” คืออีกหนึ่งสถานที่มากมนต์ขลังคู่เมืองสงขลามาตั้งแต่โบราณกาล เป็นภูเขาเสียดยอดสูงสุดที่ตั้งอยู่ใน “เขตเทศบาลนครสงขลา” อ.เมือง จ.สงขลา ปัจจุบัน ขึ้นไปชมตัวเมืองในมุมมองของ “สายตาเหยี่ยว” ได้อย่างงายดาย ด้วยมีสถานีลิฟต์ขึ้นเขารอให้บริการ
 
แต่หากยังพิสมัยชื่นชอบการใช้ชีวิตแบบช้าๆ ก็สามารถเดินขึ้นทาง “บันไดนาคโบราณ” สร้างในสมัย ร.5 ที่รายรอบไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ อันเป็นบันไดเดียวกับให้พระภิกษุก้าวลงจากสวรรค์หลังออกพรรษาในประเพณีตักบาตรเทโวที่ถูกจัดขึ้นทุกๆ ปี
 
หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
 
การเดินทางไปเยือนก็แทบไม่มีอะไรยุ่งยาก เมื่อเข้าเขตนครสงขลา ก็จะเห็นเขาตังกวนตระหง่านตระการตา เมื่อเวียนวนแวะไปรับกลิ่นอายทะเลที่บริเวณหาดสมิหลาแล้ว ระหว่างทางสู่ “แหลมสน-สวนสองทะเล” สามารถแวบไปยังสถานีลิฟต์ขึ้นเขาได้แบบหาไม่ยากเย็นอะไร
 
เมื่อก้าวลงจากรถก็จะจ๊ะเอ๋กับบรรดา “เจ้าจ๋อ” หรือ “ลิงแสม” ฝูงใหญ่ และเป็นขาใหญ่เจ้าถิ่นที่จะลงเขามาคอยต้อนรับ อยากให้อาหารก็มีร้านรวงชาวบ้านให้บริการ ทั้งกล้วย หรือถั่ว บางตัวสัมผัสจับมือได้ หรือไม่ก็ทำตาบ้องแบ๊วน่าเอ็นดูมาสะกิดขออาหารเอง ดึงกางเกง หรือกระโปรงบ้าง ซึ่งก็ต้องระวังให้เด็กๆ อยู่ในสายตา และข้าวของจะถูกฉกชิง
 
ไหว้สาสิ่งศักดิ์คู่บ้านเมืองสงขลา
 
ก่อนหรือหลังให้อาหารลิงบริเวณหน้าสถานีลิฟต์ขึ้นเขาตังกวน มีอาหารคนที่ต้องแนะนำว่าน่าลิ้มลองคือ “ไอศกรีมกะทิมะพร้าวอ่อน” ที่จะตักใส่ให้เห็นในกะลามะพร้าวอ่อนสดๆ ที่เนื้อถูกนำไปผสมในไอศกรีมแล้ว โดยเฉาะเฉือนเปลือกมะพร้าวไว้แบบสามารถหยิบจับได้สะดวกมือ แม้จะเป็นร้านแบบรถพ่วงข้างมอเตอร์ไซค์ แต่รสชาติไม่น้อยหน้าเหลา หรือภัตตาคารเชียวแหละ
 
แวะทักทายเจ้าถิ่นเสร็จสรรพ ชั่วพริบตาลิฟต์ก็จะพาขึ้นสู่ยอดเขาตังกวน สัมผัสแรกเมื่อโผล่พ้นประตูลิฟต์ก็คือ วิวทิวทัศน์ของท้องทะเลอ่าวไทยไกลสุดตา ใกล้ชายฝั่งเข้ามาคือ “เกาะแมว” ตามด้วย “เกาะหนู” ก่อนจะเป็นหาดทรายขาวทอดยาวเป็นแนวโค้งลับเหลี่ยมมุ่มของหาดสมิหลาตรงบริเวณรูปปั้นนางเงือก ใกล้ๆ กันมีอาคารโรงแรมบีพี สมิหลา บีช ผุดพรายแทรกตัวอยู่ในหมู่ทิวต้นสน
 
มองเมืองสงขลาแบบสายตาเหยี่ยว
 
ก้าวออกจากตัวอาคารลิฟต์ก็จะพบ “ประภาคาร” สูงชะลูดโดดเด่น ทอดน่องต่อไปก็ก้าวขึ้นสู่ลานกว้างประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนเขาตังกวน เริ่มจากนมัสการ “พระธาตุเจดีย์หลวง” อายุกว่า 700 ปี ว่ากันว่าสร้างเมื่อครั้งยังเป็นราชอาณาจักรนครศรีธรรมราช ทรงเจดีย์เป็นศิลปะสมัยทวารวดี บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองสงขลามาตั้งแต่ก่อร่างสร้างเมือง เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คน ช่วงเดือน ต.ค.ของทุกๆ ปีที่มีประเพณีลากพระ ก็จะมีพิธีเปลี่ยนผ้าห่มองค์พระธาตุเจดีย์รวมไปด้วย ถือเป็นงานใหญ่ประจำจังหวัดทีเดียว
 
ต่อด้วยทักษิณาวรรต เพื่อไหว้สิ่งศักดิ์รอบๆ องค์พระธาตุเจดีย์ ประกอบด้วย พระพุทธรูป และรูปหล่อจำลองพระเกจิอาจารย์สำคัญๆ ของภาคใต้ เช่น พระพุทธชินราชจำลอง, หลวงปู่ทวด, สมเด็จพระพุฒาจารย์โต, พระปรมาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง, ตาหลวงเปรม วัดวิหารสูง จ.พัทลุง, พระสยามเทวาธิราช, พระพรหมสี่หน้า และ พระบรมรูป ร.5
 
บนเขาตังกวนจะได้ยินเสียงระฆังกังวานต่อเนื่อง
 
จากนั้นตามด้วยพิธีกรรมที่เป็นสุดยอดนิยมของแทบทุกผู้คนคือ การตระเวนบันทึกภาพบนลานลดหลั่นกันไปตามมุมต่างๆ บนยอดเขาตั้งกวน ซึ่งมีให้เลือกสรรได้แบบ 360 องศา โดยเฉพาะภูเขาลูกนี้ตั้งอยู่แทบจะจ่อปากทางเชื่อมระหว่าง “อ่าวไทย” กับ “ทะเลสาบสงขลา” จึงสามารถเลือกวิวทิวทัศน์ได้ทั้ง 2 ห้วงน้ำ อีกทั้งมองเห็น “เกาะยอ” ได้บางส่วน รวมถึง “หัวเขาแดง” และ “ท่าเรือนำลึกสงขลา” ที่ตั้งอยู่บนฟากฝั่งของ อ.สิงหนคร
 
แต่สำหรับตัวเมืองสงขลาที่ได้ฉายาว่า “เมืองสองทะเล” นั้น สายตาเหยี่ยวขณะเริงลมบนมองเห็นอย่างไร สายตาผู้คนที่ไปเยือนบนยอดเขาตังกวนเราก็สามารถเก็บภาพประทับใจได้ในแบบแทบไม่แตกต่าง
 
กุญแจรัก ที่คู่รักมักนิยมมาคล้องร่วมกันไว้หวังให้อยู่คู่กันไปตลอดชีวิต
 
มีสิ่งที่น่าจะเป็นไฮไลต์สำหรับบรรดาคู่รักบนยอดเขาตังกวนด้วย นอกจากเก๊กท่าบันทึกภาพ “แผงหัวใจ” ที่วางอยู่ทั้ง 4 ทิศบนลานรอบล้อมองค์พระธาตุเจดีย์แล้ว ยังสามารถนำ “กุญแจรัก” ไปอธิษฐานไขแล้วล็อกบนแผงโลหะรูปหัวใจเบื้องหน้ารูปหล่อ “หลวงปู่ทวด” เพื่อให้เป็นสักขีพยานรักให้หวานชื่น ส่วนลูกกุญแจก็ให้โยนทิ้งลงหน้าผาในบริเวณนั้นเสียจะได้ช่วยล็อกชีวิตคู่ให้อยู่กันไปตราบนานเท่านาน
 
บนยอดเขาตังกวน ยังมีอีก 1 โบราณสถานสำคัญคือ “ศาลาพระวิหารแดง” หรือ “พลับพลาที่ประทับ” ทอดตัวหลบอยู่ในหมู่แมกไม้เบื้องต่ำจากลานประดิษฐานองค์พระธาตุเจดีย์ลงไม่มากนัก โดยมีบันได้ให้ทอดน่องขึ้น-ลงพอเหนื่อยนิดหน่อย
 
หลายกิจกรรมให้ทุกเพศทุกวัยได้ชื่นมื่นบนยอดเขาตังกวน
 
ตามประวัติระบุว่า สร้างในรัชกาลที่ 4 แต่ยังไม่แล้วเสร็จ เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสแหลมมลายู มาถึงเมืองสงขลา พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินขึ้นนมัสการ “พระธาตุเจดีย์หลวง” บนยอด “เขาตังกวน” จึงมีพระราชศรัทธาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอาคารหลังนี้ต่อจนสำเร็จ แล้วยังทรงพระราชดำริให้สร้าง “บันไดนาค” ขึ้นจากพลับพลามายัง “พระธาตุเจดีย์หลวง” ซึ่งอีกด้านจากอาคารนี้ยังมีบันไดนาคให้สามารถเดินลงสู่ตัวเมืองสงขลาได้อีกด้วย
 
เบื้องหน้าคือ เกาะแมว ที่วิ่งไล่ เกาะหนู เข้าสู่ชายหาดสมิหลา
 
การมาท่องเที่ยว “เขาตังกวน” เป็นเรื่องไม่อยากเลย การเดินทางสะดวกมาก สามารถสอบถามผู้คนได้ทั้งเมือง หรือจะเลือกโดยสารรถตุ๊กตุ๊ก ก็แล้วแต่ สำหรับค่าบริการลิฟต์ขึ้น-ลงเด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาท เปิดบริการตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 1 ทุ่ม ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เพิ่มเวลาเปิดเร็วขึ้นอีก 1 ชั่งโมง คือ 8โมงเช้า จนถึง 1 ทุ่ม สนใจสอบถามข้อมูลได้ที่สำนักงาน ททท.หาดใหญ่ (สงขลา-พัทลุง) 0-7423-1055 หรือเทศบาลนครสงขลา 0-7431-1015
 
ตึกแดง สถานที่ที่ผู้ขึ้นไปเยือนยอดเขาตังกวนมักไม่พลาดโพสต์ท่าถ่ายถาพ
สถานีลิฟท์ขึ้นเขาตังกวน
บรรดาเจ้าจ๋อจะคอยต้อนรับผู้ไปเยือนบริเวณลานด้านหน้าสถานีลิฟท์
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น