ยะลา - แม่ทัพภาค 4 รุดตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุคนร้ายยิงถล่มฐานปฏิบัติการ อส.ยะหา ระบุ กำลังภาคประชาชนยังมีขวัญกำลังใจที่ดี ทุกคนยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบสุขต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีที่ได้เกิดเหตุคนร้ายไม่ต่ำกว่า 20 คน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มจุดตรวจ อส. ชุดคุ้มครองตำบลบาโร๊ะ หมู่ 8 บ. บาโร๊ะ ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา หลังเกิดเหตุกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธสงครามยิงถล่มป้อม เป็นเหตุให้มี จนท.อส.ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.15 น. ของวันที่ 31 ก.ค.58 ที่ผ่านมา
โดยความคืบหน้าล่าสุดช่วงเย็นวันนี้ (31 พ.ค.) พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 พล.ท.นพวงศ์ สุรวิชัย แม่ทัพน้อยภาค 4 พล.ต.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจยะลา นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. นายอุดร น้อยทับทิม รอง ผวจ.ยะลา และคณะ ได้เดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบลบาโร๊ะ ม.8 ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา
โดย พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 ได้เดินตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุโดยรอบ และสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างละเอียด ก่อนที่จะสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องประสานงานกับเจ้าหน้าที่ที่จุดตรวจเพื่อปรับปรุงพื้นที่รอบจุดตรวจ รวมทั้งปรับเปลี่ยนวิธีการปฏิบัติหน้าที่ในขณะเข้าเวรยาม เพื่อป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว เนื่องจากพบว่า ยังมีจุดที่กลุ่มคนร้ายสามารถปฏิบัติการได้
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 เปิดเผยว่า จากที่ได้รับฟังสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากทุกๆฝ่ายก็ได้ประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อที่จะนำมาแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในเรื่องของยุทธวิธีที่เป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เสียเปรียบ เช่นกรณีนี้เป็นตัวอย่าง แต่อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าเป็นโชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต ก็จะได้มีการช่วยเหลือเยียวยาตามระเบียบราชการต่อไป ซึ่งในครั้งนี้ท่านเลขาฯ ศอ.บต. ก็ลงพื้นที่มาดูแลด้วยตนเอง ทุกคนยังคงมีขวัญ และกำลังใจในการทำงานเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ในวันนี้ก็ต้องมาให้กำลังใจในการทำหน้าที่กันต่อ
“สำหรับชุดคุ้มครองตำบลเป็นความคาดหวังของเราว่า พี่น้องประชาชนในพื้นที่ต้องเรียนรู้ที่จะดูแลพื้นที่ของตนเอง ซึ่งเริ่มมาได้ 1 ปีแล้ว ซึ่ง 1 ปีที่ผ่านมา ก็ทำงานกันได้เป็นอย่างดี และคงจะต้องมีการพัฒนากันต่อไป ซึ่งขณะนี้เรามีชุดคุ้มครองตำบลอยู่ 108 ตำบล ในแต่ละตำบลก็จะมีกำลังประมาณ 24-36 คน ขึ้นอยู่แต่ละพื้นที่ มีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และ ชรบ. หมุนเวียนมาช่วยดูแล” มทภ.4 กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะที่การลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุครั้งนี้ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาค 4 ยังได้พูดคุยสอบถามผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านที่อยู่ในที่เกิดเหตุถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เล่าให้ฟังว่า ขณะเกิดเหตุนอนหลับอยู่ภายในห้องในฐานปฏิบัติการ จำนวน 3 คน และในเพิงพักด้านหลังฐานปฏิบัติการอีกรวมแล้ว 18 คน โดยขณะเกิดเหตุนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น จากนั้นคนร้ายจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 คน ก็บุกเข้ามาในห้องที่ตนเองนอนอยู่แบบประชิดตัวแล้ว พร้อมกับใช้อาวุธปืนจี้ และห้ามไม่ให้ขัดขืน พร้อมบอกให้นอนคว่ำหน้าก่อนที่จะสอบถามว่าภายในห้องมีอาวุธปืนจำนวนกี่กระบอก
จากนั้นกลุ่มคนร้ายจึงค้นหาอาวุธปืน และทำลายทรัพย์สิน รวมไปถึงคอมพิวเตอร์ และถอดเอาฮาร์ดดิสก์บันทึกภาพวงจรปิด แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือของพวกตนไปด้วย ขณะที่คนร้ายกำลังรื้อค้นภายในห้อง ข้างนอกก็ยังมีเสียงปืนดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนานเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะพากันล่าถอยไป และพบว่ามีกำลังพล ทั้ง อส.และ ชรบ.ที่อยู่ภายในฐานปฏิบัติการได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายนาย
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า คนร้ายได้ปล้นเอาอาวุธปืนลูกซอง 5 นัดไปจำนวน 4 กระบอก ปืนพกสั้น จำนวน 2 กระบอก และปืน AK102 จำนวน 1 กระบอก โดยพฤติการณ์ของกลุ่มคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ทั้งหมดแต่งกายด้วยชุดดำ มีผ้าพันคอ เลียนแบบการแต่งกายของเจ้าหน้าที่ทหารพราน โดยมีคนร้ายกลุ่มแรก จำนวน 4-6 คน เดินตรงมาหน้าฐานปฏิบัติการ ซึ่งขณะนั้นมี อส.เข้าเวรอยู่เพียงผู้เดียว ก่อนที่คนร้ายจะทำทีขอเข้าห้องน้ำ และได้เข้าล็อกตัว อส.ที่อยู่เฝ้าเวรยามอยู่ ก่อนที่คนร้ายอีกจำนวนหนึ่งได้พากันวิ่งกรุเข้ามาในฐานปฏิบัติการ และลงมือก่อเหตุโดยที่ไม่มีใครได้ทันตั้งตัว