ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ยังไม่ทราบชะตากรรม 6 ลูกเรือบาส เตรียมนำดอร์เนียร์ค้นหารออากาศเปิด ขณะที่คลื่นลมแรงในทะเลทำนักท่องเที่ยวติดเกาะราชาแล้วกว่า 150 คน ทหารเรือเผยพร้อมช่วยเหลือแต่ต้องรอสภาพอากาศ คลื่นในทะเลอ่อนกำลัง เจ้าท่าภูเก็ตประกาศต่อพรุ่งนี้ห้ามเรือเล็กออกจากฝั่งไปเกาะราชา-พีพี เด็ดขาด
สำหรับความคืบหน้าการค้นหา 6 ลูกเรือบาส บรรทุกวัสดุก่อสร้าง และรถแบ็กโฮ ชื่อ “สินธุภูเก็ต 1” ที่ประสบเหตุถูกคลื่นซัดอับปางกลางทะเลห่างจากเกาะภูเก็ตประมาณ 5 ไมล์ทะเล ซึ่งเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 03.30 น. วันนี้ (7 ก.ค.) โดยการค้นหาลูกเรือทั้ง 6 คน ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นคนไทย จำนวน 2 คน และแรงงานต่างด้าว จำนวน 4 คน ทางทหารเรือ ตำรวจน้ำ เจ้าท่าภูมิภาค และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ระดมกำลังค้นหาตลอดทั้งวัน จนกระทั่งเวลานี้ยังทราบชะตากรรมของลูกเรือทั้ง 6 ราย
เกี่ยวกับเรื่องนี้จากการสอบถามแหล่งข่าวของโรงแรมรายาบุรีรีสอร์ท เกาะราชาใหญ่ ทราบว่า เรือบาสลำดังกล่าวบรรทุกอุปกรณ์ก่อสร้างไปยังเกาะราชาใหญ่ โดยเรือเดินทางไปถึงบริเวณห่างจากอ่าวทือ ประมาณ 2 กิโลเมตร เครื่องยนต์เรือดับ เมื่อทราบว่าเรือมีปัญหาในส่วนของผู้ประกอบการพยายามที่จะนำเรือออกไปช่วยเหลือแต่ไม่สามารถออกไปได้ เนื่องจากเคลื่นลมแรง และคลื่นสูง ทางกัปตันเรือจึงได้จอดทอดสมอไว้ หลังจากนั้นในเวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม ได้มีการประสานไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องขอความช่วยเหลือ จนกระทั่งมีการพูดคุยกับทางกัปตันถึงการช่วยเหลือ ซึ่งทราบว่าจะมีเรือเดินทางออกไปช่วยเหลือในช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ค.) หลังจากนั้นเวลาประมาณ 03.30 น. ก็ได้รับแจ้งจากฝ่ายประสานงานว่ากัปตันเรือบาส จะสละเรือเนื่องจากคลื่นซัดจนเรือจม ส่วนลูกเรือตอนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม
แหล่งข่าวรายเดิมยังได้กล่าวต่อไปว่า จากปัญหาคลื่นลมแรงขณะนี้ส่งผลให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางออกจากเกาะได้ประมาณ 150 คน เนื่องจากมีการประกาศห้ามเรือออกจากท่า ซึ่งนักท่องเที่ยวบางส่วนจำเป็นที่จะต้องเดินทางกลับประเทศในวันนี้ ซึ่งได้มีการประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ส่งเรือมาช่วยเหลือแล้ว แต่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งกลับมาแล้วว่า ไม่สามารถนำเรือออกมารับนักท่องเที่ยวได้เนื่องจากคลื่นลมในทะเลยังมีกำลังแรง ซึ่งนักท่องเที่ยวบางส่วนมีกำหนดการที่จะเดินทางกลับประเทศแต่ไม่สามารถเดินทางกลับได้
ขณะที่ พล.ร.ท.สายันต์ ประสงค์สำเร็จ ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือ และค้นหาลูกเรือที่สูญหายทั้ง 6 คน ว่า ขณะนี้ในส่วนของ ฮ.ขึ้นบินไปแล้ว 4 รอบ แต่การค้นหาเป็นไปด้วยความลำบากเนื่องจากคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง คลื่นสูง ซึ่งในช่วงนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับแผนเพื่อค้นหาโดยการนำเครื่องบินดอร์เนียร์มาใช้บินสำรวจ จะทำให้บินได้นานขึ้น แต่ยังไม่สามารถขึ้นบินค้นหาได้เนื่องจากฐานเมฆต่ำ ลมแรง อากาศปิด การขึ้นบินนั้นจะต้องรอให้ท้องฟ้าเปิดก่อน ส่วนการออกค้นหาทางเรือไม่สามารถดำเนินการเนื่องจากคลื่นลมแรง คลื่นสูง 3 เมตร เรือที่ออกไปช่วยไม่สามารถออกไปได้
ส่วนเรื่องการประสานเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น ทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้รับแจ้งว่าเรือเสียประมาณ 22.00 น. ตอนนั้นได้ประสานไปยังกัปตันในการติดต่อเรื่องของการนำเรือไปลากจูง และทราบว่า มีการนัดหมายกับทางเรือที่จะไปลากจูงในเวลา 04.30 น. หลังจากนั้นก็ไม่ได้รับการประสานมาจากทางเรือที่เสียอีกเลย ถ้ามีการประสานเข้ามาทางทหารเรือก็จะให้คำแนะนำในการช่วยเหลือได้เพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสีย แต่ก็ไม่มีการติดต่อขอความช่วยเหลือมาแต่อย่างใด จนกระทั่งได้รับแจ้งอีกครั้งในเวลาประมาณ 03.50 น. ว่า เรือถูกคลื่นซัดจมแล้ว หลังจากรับแจ้งก็ได้มีการเตรียมความพร้อม และประสานทุกหน่วยออกไปช่วยเหลือทันที
ส่วนกรณีนักท่องเที่ยวที่ตกค้างอยู่ที่เกาะราชานั้น พล.ร.ท.สายันต์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศออกมาอย่างต่อเนื่องเรื่องการห้ามนำเรือออกทะเลเนื่องจากคลื่นลมแรง สำหรับนักท่องเที่ยวที่ตกค้างทางราชการไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมที่จะออกไปให้ความช่วยเหลือ แต่จะต้องรอให้สภาพอากาศดีกว่านี้ เพราะขณะนี้แม้แต่เรือของทหารเรือ และเรือของตำรวจน้ำที่ออกไปช่วยค้นหานักท่องเที่ยวยังไม่สามารถกลับเข้าฝั่งได้เลยเพราะเหตุคลื่นลมแรง ส่วนเรือใหญ่ก็ยังไม่สามารถออกจากมาจากฝั่ง จ.พังงา ได้เช่นกัน การช่วยเหลือจะต้องรอเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด
ขณะที่ พ.ต.ท.ปัญญ ชัยชนะ สารวัตรตำรวจน้ำ กล่าวว่า สำหรับการร่วมค้นหาลูกเรือที่สูญหายเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะนอกจากคลื่นลมแรง และคลื่นสูงไม่ต่ำกว่า 3 เมตรแล้ว ยังไม่ทราบจุดที่เรือจมแน่ชัดด้วย ซึ่งจากการสอบถามเรือน้ำมันที่พยายามเข้าไปช่วยเหลือเรือบาสลำที่เกิดเหตุในเวลาประมาณ 18.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ในขณะนั้นเรือเสียอยู่ห่างจากจังหวัดภูเก็ต ไปทางเกาะพีพีประมาณ 5-6 ไมล์ทะเล แต่ในระยะเวลาที่เหลือตั้งแต่เวลา 18.00 วันที่ 6 ก.ค. จนถึงเวลา 03.30 น. ของวันที่ 7 ก.ค. เรือบาสถูกกระแสน้ำและคลื่นซัดไปเรื่อยๆ ทำไม่ไม่ทราบจุดที่เรือจมชัดเจน ทำให้การค้นหาเป็นไปด้วยความลำบาก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้การค้นหาทางทะเลต้องหยุดไปก่อนเพราะเรือของเจ้าหน้าที่ไม่สารถออกได้ เนื่องจากคลื่นลมในทะเลสูงกว่า 3 เมตร ซึ่งจะต้องจอดหลบคลื่นจนกว่าคลื่นลมจะสงบ ซึ่งคาดว่าในช่วงค่ำวันนี้คลื่นลมในทะเลอาจจะมีกำลังอ่อนลง
ส่วน น.อ.กฤษณะ กุณฑียะ รองเสนาธิการทัพเรือภาค 3 กล่าวว่า จากการส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นไปค้นหา 4 รอบ และการค้นหาโดยใช้เรืออีก 2 ลำ เป็นเรือของทัพเรือภาคที่ 3 หนึ่งลำ และเรือตำรวจน้ำอีกหนึ่งลำ โดยในส่วนของเฮลิคอปเตอร์ค้นหานั้นได้ทำการค้นหาทั้งทางด้านเหนือ และด้านใต้ของบริเวณจุดเกิดเหตุที่ซึ่งได้รับแจ้ง และมีการระบุว่า ลูกเรือได้เกาะอยู่บนถังน้ำมันที่มีการมัดรวมกัน 10-20 ใบ ซึ่งมีความเป็นได้ว่าอาจจะขึ้นฝั่งไปแล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อกันได้ หรืออาจจะยังลอยอยู่บริเวณจุดใด แต่ในการค้นหานั้นก็จะต้องดำเนินการต่อ
ด้าน นายภูริพัฒน์ ธีรกุลพิสุทธิ์ เจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต กล่าวว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมามีการประกาศห้ามไม่ให้เรือเล็กออกจากฝั่งอย่างต่อเนื่อง และในวันพรุ่งนี้ (8 ก.ค.) ทางเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ได้รับแจ้งจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันตก ว่า ฝั่งทะเลอันดามันได้รับอิทธิพลจากพายุ “ลินฟ้า” ทำให้คลื่นในทะเลสูงประมาณ 4 เมตร ห้ามเรือเล็กที่จะดินทางไปเกาะพีพี เกาะราชา หรือพื้นที่ทะเลเปิดออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด ส่วนเรือที่ไปอ่าวพังงา เกาะโหลน เกาะใกล้ๆ เกาะภูเก็ตให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง