เรื่อง/ภาพ : อริสา สีรัตน์ / จักรพงศ์ คงเพ็ง / ชเนตตีศรีบุญนาค / มารีหยาม มุเสมสะเดา / เจนณรงค์ พินลานทุ่ม
หลังจบการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ประเทศสิงคโปร์ “ปันจักสีลัต” กีฬาที่เป็นที่นิยมในภาคใต้ของไทยเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น แม้นักกีฬาที่เข้าร่วมแข่งขันจะยังไม่สามารถนำชัยกลับมาสู่ประเทศไทย เหมือนที่เป็นข่าวครึกโครมและดังกระฉ่อนแบบที่นักกีฬาประเภทยอดนิยมอื่นๆ สร้างผลงานไว้
ทว่า ณ เวลานี้กีฬาปันจักสีลัตสำหรับประเทศไทยแล้ว โดยเฉพาะสำหรับนักกีฬาจากแผ่นดินด้ามขวานแล้ว ล้วนนับว่ามีอนาคตที่น่าจะสดใสไม่น้อย
เพื่อให้สังคมไทยได้ทำความรู้จักให้มากยิ่งขึ้น อย่างน้อยไทยก็มีโอกาสในการสร้างชื่อเสียงจากกีฬาประเภทนี้ในอนาคตต่อๆ ไป “ASTVผู้จัดการภาคใต้” จึงไม่พลาดโอกาสที่จะสัมภาษณ์พิเศษนักกีฬาที่สะสมผลงานจนเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะมีผลงานการันตีด้วยการคว้า “เหรียญทอง” ทั้งในการแข่งขันกีฬาระดับโลก ระดับกีฬาแห่งชาติและกีฬามหาวิทยาลัยมาแล้วมากมาย
สำหรับ “ปันจักสีลัต (Pencak Silat)” เป็นคำที่มาจากภาษาอินโดนีเซีย ในส่วนของคำว่า “ปันจัก (Pencak)” หมายถึง การป้องกันตนเอง และคำว่า “สีลัต (Silat)” หมายถึง ศิลปะ เมื่อรวมความแล้วก็หมายถึง “ศิลปะการป้องกันตนเอง”
กีฬาประเภทนี้เดิมเป็นศิลปะการต่อสู้ของคนเชื้อสายมาลายูในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ บรูไน และในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยคือ ปัตตานี ยะลา สตูล นราธิวาสและสงขลา เรียกว่า “สิละ” บ้าง “ดีกา” หรือ “บือดีกา” บ้าง เป็นศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเท้าเปล่า เน้นให้เห็นลีลาการเคลื่อนไหวที่สวยงาม
นักกีฬาปันจักสีลัตประเภทร่ายรำดีกรีแชมป์โลก ความภาคภูมิใจหนึ่งของคนไทยในเวลานี้คือ “อิลยาส สารายา” ว่าที่คุณครูพลศึกษา เขาคือเจ้าของเหรียญทองชิงแชมป์โลก 5 สมัย ตั้งแต่เรียนที่โรงเรียนอิสลามแห่งประเทศไทยในกรุงเทพฯ ในระดับชั้น ม.4, ม.5, ม.6, และช่วงมหาวิทยาทักษิณชั้นปีที่ 1 และปีที่ 2 ส่วนการแข่งขันกีฬาแห่งชาติคว้าเหรียญทองมาแล้ว 4 สมัย ขณะที่ระดับกีฬามหาวิทยาลัยก็ได้เหรียญทองมาแล้ว 2 สมัย นี่ไม่นับเหรียญเงินและเหรียญทองแดงที่ต้องได้รับมาทุกๆ ปีที่จากการเข้าร่วมแข่งขันในทุกระดับ ซึ่งเหล่านี้แค่ผลงานเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
อิลยาส สารายา เกิดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2536 ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นราธิวาส ขณะนี้กำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยทักษิณ ปัจจุบันฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาคาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
เมื่อถามถึงเบื้องหลังการก้าวเข้าสู่วงการกีฬาปันจักสีสัต?
“ผมได้คุณพ่อเป็นต้นแบบ ได้เรียนรู้และรู้จักกับกีฬานี้มาตั้งแต่เล็กๆ โดยมีคุณพ่อคุณแม่ที่ค่อยเป็นแรงผลักดันและให้กำลังใจมาโดยตลอด...”
“ตัวเองเข้ามาจริงจังกับกีฬาประเภทนี้เมื่อสมัยเรียนอยู่ชั้น ม.1 ได้มีการพัฒนาตนเองและก้าวเข้าสู่การแข่งขัน ในชั้น ม.4 จากการลงแข่งครั้งแรก ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งเมื่อได้รับรางวัลชนะเลิศ หลังจากนั้นก็เข้าสู่การแข่งขันโดยเรื่อยมา ถึงแม้ว่าล่าสุดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ผมไม่ได้รับเหรียญกลับมา แต่ผมก็ภูมิที่ทำมันเต็มที่แล้ว”
เมื่อสอบถามในฐานะนักกีฬาปันจักสีลัต รู้สึกอย่างไรกับวงการนี้?
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจ ความรู้สึกผมตอนนี้ภาคภูมิใจในตัวเองที่สุดที่ได้เป็นตัวแทนคนไทยทุกคน สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยและมหาวิทยาลัยทักษิณ ในโอกาสครั้งต่อไปผมจะนำชื่อเสียงกลับมาให้คนไทยเช่นเดิม และในฐานะที่เป็นนิสิต เป็นครู ผมจะเป็นแบบอย่างให้กับน้องๆ เยาวชน ส่งเสริมให้มีการเล่นกีฬาปันจักสีลัตเข้าสู่การแข่งขันเช่นเดียวกับผม…”
“สิ่งที่ได้รับจากแข่งขันกีฬาปันจักสีลัต อย่างแรกเลยคือ ประสบการณ์ ได้พบเจอเพื่อนๆ จากต่างประเทศ ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กีฬาปันจักสีลัตเป็นรู้จักกันแพร่หลาย ได้สร้างชื่อเสียงให้กับคนไทย...”
ความเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในระดับนี้ได้ แน่นอนย่อมต้องมีการฝึกซ้อมอย่างหนัก เมื่อคำถามถึงเคล็ดไม่ลับในการฝึกซ้อม?
“ผมต้องดูแลตัวเอง โดยการแบ่งเวลาให้ถูกต้อง ทั้งเรื่องเรียน การฝึกซ้อม และการพักผ่อน ในการฝึกซ้อมของผมจะไม่ฝึกซ้อมจนหักโหมเกินไป เพราะอาจจะทำให้บาดเจ็บก่อนการแข่งขัน ส่วนการฝึกซ้อมแข่งขันระดับชาติ ผมต้องเก็บตัวซ้อมตั้งแต่เนิ่นๆ อย่างน้อย 6 เดือน ส่วนอาหารที่ผมทานอาหารต้องดีต่อสุขภาพ ครบทุกโภชนาการ พักผ่อนอย่างพอเหมาะ และพยายามทำตัวเองให้ร่าเริง มีความสุขกับการฝึกซ้อม กำลังใจจากทางบ้านที่ผมขาดไม่ได้”
คิดอย่างไรที่กีฬาปันจักสีลัตเริ่มมีผู้คนรู้จักและให้ความสำคัญมากขึ้นในเวลานี้?
“ผมในฐานะผู้ที่เล่นอยู่แล้ว อยากที่จะให้มีการจัดฝึกอบรมกีฬาปันจักสีลัตโดยเฉพาะ ให้ความรู้ในเรื่องกีฬาปันจักสีลัตให้แพร่หลายมากขึ้นในประเทศไทยเรา ผมอยากให้ทุกคนลองหันมาเล่นกีฬาปันจักสีลัตกันเยอะๆ ทำให้ร่างการแข็งแรง จะได้มีซิกแพคอย่างผมนี่ (หัวเราะ)”
แม้การพูดคุยจะมากไปด้วยความสนุกสนาน จึงไม่แปลกใจเลยที่เขาได้คว้าแชมป์มาหลายสมัย เพราะเขาเป็นคนร่าเริง เมื่อกำลังใจเต็มเปี่ยมตลอดเวลา การคว้าชัยชนะก็ไม่น่าจะไกลเกินเอื้อม ก่อนจบการพูดคุยเขาได้พูดถึงเป้าหมายต่อไปที่จะต้องทำให้ได้?
“เป้าหมายของผม ต่อจากนี้ฝึกซ้อมแล้วเข้าแข่งขันเอเชียนเกมส์ในปี 2018 หรือครั้งที่ 18 ณ ประเทศอินโดนีเซีย และผมตั้งใจว่าจะไม่ทำให้คนไทยทั้งประเทศผิดหวังครับ”