พังงา - เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในจังหวัดพังงา เก็บผลไม้ออกขายสู่ตลาดได้ราคาดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปีนี้พบปัญหาแห้งแล้ง ทำให้ผลผลิตออกน้อย ประกอบกับผลไม้จันบุรีที่ออกมาสู่ท้องตลาดพร้อมกัน
วันนี้ (22 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในจังหวัดพังงา ได้เร่งเก็บผลผลิตออกขายสู่ตลาดให้แก่พ่อค้าคนกลางที่มาเปิดจุดรับซื้อผลไม้บริเวณบ้านควรปัก ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า ซึ่งเป็นตลาดรับซื้อผลไม้รายใหญ่ของจังหวัดพังงา พบว่า ปีนี้ได้มีเกษตรกรเก็บผลไม้ออกมาขายไม่คึกคักเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ไม่ว่าจะเป็นมังคุด ทุเรียน ลองกอง ลางสาด แม้ว่าช่วงนี้เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้แต่ เกษตรกรต้องประสบปัญหาผลผลิตน้อยจากสภาพอากาศในช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหาความแห้งแล้ง น้ำมีรสชาติเค็มจนทำให้ผลไม้ขาดน้ำมาเป็นเวลาหลายเดือน ถึงช่วงนี้เกษตรกรจะเก็บผมไม้มาขายก็ได้ราคาดี แต่เป็นช่วงเดียวที่ผลไม้จันบุรี ออกสู่ตลาดจน ทำให้พ่อค้าคนกลางในจังหวัดพังงาต้องหาที่ระบายผลไม้ที่รับซื้อมาก ออกสู่ตลาดให้ได้โดยเร็วเพื่อไม่ให้ผลไม้เน่าเสีย
น.ส.นิสารัตน์ บุญเพ็ง แม่ค้ารับซื้อผลไม้ กล่าวว่า ปีนี้เกษตรกรในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่านำผลไม้มาขายน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี และมีฝนตกหนักในช่วงที่ผลไม้จะออกสู่ท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรนอกพื้นที่ อย่างที่อำเภอคุระบุรี ผลไม้จะมีมาก และจะนำมาขาย สาเหตุที่ปีนี้ผลไม้ออกน้อยเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่นสวนทุเรียนที่กำลังออกดอก แต่กลับมาเจอพายุฝนกระหน่ำทำให้ดอกของทุเรียนหลุดร่วงเป็นจำนวนมาก จากการที่ปีนี้ผลไม้มีน้อย กลับส่งผลดีทำให้ผลไม้มีราคาดี แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่ดีกลับขายออกยาก อย่างเช่น มังคุด รับซื้อหน้าสวนกิโลกรัมละ 23 บาท ขายส่งกิโลกรัมละ 25 บาท แต่ถ้ามีพ่อค้าคนกลางมาส่งก็จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 24 บาท
ทุเรียน รับซื้อหน้าสวนกิโลกรัมละ 20 บาท ขายส่งกิโลกรัมละ 23 บาท สะตอ ซื้อร้อยละ 220บาท ขายส่งร้อยละ 230 บาท ผลไม้ที่นี่ส่วนใหญ่จะส่งไปขายที่มาเลเซียซึ่งเป็นตลาดที่ได้ราคามากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากผลไม้ของบ้านเราเป็นผลไม้ที่มีคุณภาพ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดมาเลเซีย แต่ถ้าเราส่งไปขายทางราชบุรี หรือตลาดไท เราจะไม่ได้ราคาเนื่องจากผลไม้ของทางจันทบุรีที่มีมากทำให้ราคาถูกกว่าผลไม้ของตะกั่วป่าที่ยังมีราคาสูง เนื่องจากผลไม้ของตะกั่วป่าเพิ่งจะเริ่มออก ในขณะที่ผลไม้ทางจันทบุ รีออกมาล่วงหน้า และใกล้จะหมดฤดูช่วงผลไม้แล้ว คาดว่าเมื่อผลไม้ทางจันบุรีเริ่มน้อยลง ผลไม้ทางตะกั่วป่า จะเริ่มส่งไปขายสู่ท้องตลาดมากขึ้น ราคาที่ขายน่าจะถูกลง
วันนี้ (22 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนผลไม้ในจังหวัดพังงา ได้เร่งเก็บผลผลิตออกขายสู่ตลาดให้แก่พ่อค้าคนกลางที่มาเปิดจุดรับซื้อผลไม้บริเวณบ้านควรปัก ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า ซึ่งเป็นตลาดรับซื้อผลไม้รายใหญ่ของจังหวัดพังงา พบว่า ปีนี้ได้มีเกษตรกรเก็บผลไม้ออกมาขายไม่คึกคักเท่าที่ควรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน ไม่ว่าจะเป็นมังคุด ทุเรียน ลองกอง ลางสาด แม้ว่าช่วงนี้เข้าสู่ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้แต่ เกษตรกรต้องประสบปัญหาผลผลิตน้อยจากสภาพอากาศในช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหาความแห้งแล้ง น้ำมีรสชาติเค็มจนทำให้ผลไม้ขาดน้ำมาเป็นเวลาหลายเดือน ถึงช่วงนี้เกษตรกรจะเก็บผมไม้มาขายก็ได้ราคาดี แต่เป็นช่วงเดียวที่ผลไม้จันบุรี ออกสู่ตลาดจน ทำให้พ่อค้าคนกลางในจังหวัดพังงาต้องหาที่ระบายผลไม้ที่รับซื้อมาก ออกสู่ตลาดให้ได้โดยเร็วเพื่อไม่ให้ผลไม้เน่าเสีย
น.ส.นิสารัตน์ บุญเพ็ง แม่ค้ารับซื้อผลไม้ กล่าวว่า ปีนี้เกษตรกรในพื้นที่อำเภอตะกั่วป่านำผลไม้มาขายน้อย เนื่องจากเศรษฐกิจไม่ดี และมีฝนตกหนักในช่วงที่ผลไม้จะออกสู่ท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นเกษตรกรนอกพื้นที่ อย่างที่อำเภอคุระบุรี ผลไม้จะมีมาก และจะนำมาขาย สาเหตุที่ปีนี้ผลไม้ออกน้อยเนื่องจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป อย่างเช่นสวนทุเรียนที่กำลังออกดอก แต่กลับมาเจอพายุฝนกระหน่ำทำให้ดอกของทุเรียนหลุดร่วงเป็นจำนวนมาก จากการที่ปีนี้ผลไม้มีน้อย กลับส่งผลดีทำให้ผลไม้มีราคาดี แต่เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจไม่ดีกลับขายออกยาก อย่างเช่น มังคุด รับซื้อหน้าสวนกิโลกรัมละ 23 บาท ขายส่งกิโลกรัมละ 25 บาท แต่ถ้ามีพ่อค้าคนกลางมาส่งก็จะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 24 บาท
ทุเรียน รับซื้อหน้าสวนกิโลกรัมละ 20 บาท ขายส่งกิโลกรัมละ 23 บาท สะตอ ซื้อร้อยละ 220บาท ขายส่งร้อยละ 230 บาท ผลไม้ที่นี่ส่วนใหญ่จะส่งไปขายที่มาเลเซียซึ่งเป็นตลาดที่ได้ราคามากที่สุดในตอนนี้ เนื่องจากผลไม้ของบ้านเราเป็นผลไม้ที่มีคุณภาพ ทำให้เป็นที่ต้องการของตลาดมาเลเซีย แต่ถ้าเราส่งไปขายทางราชบุรี หรือตลาดไท เราจะไม่ได้ราคาเนื่องจากผลไม้ของทางจันทบุรีที่มีมากทำให้ราคาถูกกว่าผลไม้ของตะกั่วป่าที่ยังมีราคาสูง เนื่องจากผลไม้ของตะกั่วป่าเพิ่งจะเริ่มออก ในขณะที่ผลไม้ทางจันทบุ รีออกมาล่วงหน้า และใกล้จะหมดฤดูช่วงผลไม้แล้ว คาดว่าเมื่อผลไม้ทางจันบุรีเริ่มน้อยลง ผลไม้ทางตะกั่วป่า จะเริ่มส่งไปขายสู่ท้องตลาดมากขึ้น ราคาที่ขายน่าจะถูกลง