นราธิวาส - ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมลงนาม MOU กับผู้นำศาสนาอิสลาม เพื่อรักษาความปลอดภัยเข้มในช่วงเดือนรอมฎอน โดยเลือก จ.นราธิวาส เป็นพื้นที่นำร่อง
วันนี้ (16 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หอประชุมสยามบรมราชกุมารี สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการเกตุ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) สายตรวจรอมฎอน เพื่อสันติสุขในพื้นที่ จ.นราธิวาส ร่วมกับ นายซาฟีอี เจ๊ะเลาะ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาส
โดยมี นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้กำกับการ สภ.ในพื้นที่ 13 อำเภอ มีร่วมลงนาม (MOU) กับผู้นำศาสนาในพื้นที่ 13 อำเภอ เพื่อเป็นการร่วมมือกันในการจัดสายตรวจพื้นที่สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครตำรวจชุมชนรวม 356 นาย ที่จะออกปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเดือนรอมฎอน ที่จะสนธิกำลังวันที่ 18-19 มิถุนายน เพื่อเป็นการสนองนโยบาย พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่รัฐอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวไทยมุสลิมในการประกอบศาสนกิจในทุกๆ ด้าน อย่างเต็มขีดความสามารถ เพื่อเป็นการดูแลความเรียบร้อยในห้วงเดือนถือศีลอดอันศักดิ์สิทธิ์
พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการเกตุ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การทำข้อตกลง MOU ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระดับผู้กับกำการ สาวัตรใหญ่ กับผู้นำศาสนา ซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสลาม 13 อำเภอ พื้นที่นราธิวาส ถือเป็นโครงการนำร่องครั้งแรกในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ ซึ่งในเดือนรอมฎอน มุสลิมจำเป็นที่จะต้องถือศีลอด และจะต้องใช้สมาธิในการละหมาด และอ่านคำภีร์อัลกุรอาน เพื่อทำความดี และบุญทุกวันๆ ตลอดเดือนรอมฎอน แต่ห้วงปีที่ผ่านมา พบว่ายังมีการเล่นดอกไม้ไฟ และประทัดส่งเสียงรบกวนบริเวณมัสยิด ทำให้รบกวนผู้ถือศีล ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเตือนผู้เล่นผู้ขาย ดอกไม้ไฟ ประทัด หากพบจะดำเนินการตักเตือน และหากไม่ฟังจำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ เพื่อไปตามกรอบที่กองทัพภาค 4 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องการให้ช่วงเดือนรอมฎอนเป็นตัวขับเคลื่อนเสริมสร้างสันติสุขนั่นเอง