xs
xsm
sm
md
lg

จับตา “นักศึกษา-ปัญญาชน” และเดือน “รอมฎอน” / ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

แฟ้มภาพ
 
คอลัมน์  :  จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์  มณีพิลึก
 
สถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ห้วงสัปดาห์ที่ผ่านไป ไม่มีเหตุร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้น แต่สถานการณ์ยังไม่ได้ดีขึ้น เนื่องจากมีการแจ้งเตือนจากหน่วยงาน “การข่าว” ตลอดเวลา ถึงความพยายามที่จะก่อการร้ายในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา
 
หน่วยข่าวในพื้นที่พบว่า มีความเคลื่อนไหวของ “แนวร่วม” ในพื้นที่กับ “หน่วยรบ นอกพื้นที่ เพื่อแจ้งความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งมีการหาช่องว่างที่จะก่อการร้าย ซึ่งหน่วยข่าวแจ้งว่ากลุ่มคนร้ายมีการเตรียมพร้อมในเรื่องของคาร์บอมบ์ไว้ 4-5 คัน เพื่อหาจังหวะ และช่องว่างในการก่อเหตุร้ายครั้งใหม่
 
ดังนั้น ความเงียบที่เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ผ่านมาจึงอาจจะเป็นเพียงความสงบของท้องทะเล ก่อนที่จะเกิดพายุใหญ่
 
ดังนั้น ในห้วงของก่อนที่จะเข้าสู่และในห้วงของเดือน “รอมฎอน” อาจจะเกิดการป่วนใต้ระลอกใหม่อีกครั้ง
 
เนื่องจากวิธีการในการปลุกระดมในการโฆษณาชวนเชื่อของฝ่ายที่เป็น “แกนนำ ยังคงใช้วิธีการแบบเดิมๆ ที่ทำกันมาอย่างยาวนาน นั่นคือ การปฏิบัติการต่อกลุ่มศัตรู ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงมุสลิมที่เป็นคนของรัฐ หรือให้ความร่วมมือต่อเจ้าหน้าที่รัฐจะได้บุญถึง 10 เท่า
 
วันนี้การใช้หลักคำสอนของศาสนามาบิดเบือนเพื่อให้กลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐใช้ความรุนแรง เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ยังคงดำรงอยู่อย่างเข้มข้น เป็นความเข้มข้นท่ามกลางความพยายามของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ในการทำแล้วทำอีก นั่นคือการ “เข้าถึงผู้นำศาสนา” เพื่อมุ่งหวังที่จะส่งผ่านการทำความเข้าใจในเรื่องคำสอนว่าการที่ “แกนนำ ใช้หลักคำสอนแบบบิดเบือน ไม่ใช่คำสอนที่แท้จริง
 
ที่ผ่านมา ทั้ง “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ทั้ง “ศอ.บต.” ต่างทุ่มงบประมาณผ่านเวทีของการใช้ศาสนาที่ถูกต้องเพื่อแก้ปัญหาการบิดเบือนคำสอนอย่างมหาศาล เพียงแต่น่าแปลกที่งบตรงนี้เหมือนกับทุ่มก้อนหินลงสู่ท้องทะเล ที่ไม่เห็นการกระเพื่อมของน้ำทะเลแม้แต่วงเดียว
 
คงจะมีคำถามเหมือนกันว่า วิธีการที่ใช้มานับ 10 ปี ใช้งบประมาณไปแบบ “อสงไขย” ยังจะใช้อีกต่อไปหรือไม่ หรือจะมีแนวทางแบบไหน อย่างไร งบประมาณในการดับไฟใต้จึงจะไม่สูญเปล่า หรือว่าจะต้องให้แบบนี้ต่อไป โดยไม่ต้องมีการประเมินถึงความล้มเหลวที่ผ่านมา
 
อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องมีการตั้งโจทย์เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตอบให้คนทั้งประเทศได้รับรู้คือ การ เคลื่อนไหวของ “นักศึกษา” ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่ม “ปัญญาชน” เป็นผู้นำทางความคิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังมีการเห็นต่างในการแก้ปัญหาความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง
 
ในการปฏิบัติการการก่อการร้ายหลายครั้งที่ผ่านมา มีนักศึกษาเข้าร่วมในการก่อการร้าย และมีหลักฐานให้จับกุมตัว แต่ปฏิบัติการอีกหลายครั้งที่ไม่มีหลักฐาน ไม่มีพยาน จะมีนักศึกษาปัญญาชนเข้าร่วม หรืออยู่เบื้องหลังอีกเท่าไหร่ยังไม่สามารถบอกได้
 
ดังนั้น การที่ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ทำการเชิญแกนนำของนักศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาพบ เพื่อพูดคุยเพื่อที่ทางกองทัพจะได้รับรู้ถึงมุมมอง และแนวทางของนักศึกษาเหล่านี้ต่อสถานการณ์ความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้
 
รวมทั้งจะได้ทราบถึงวิธีคิดของนักศึกษาที่มีความเห็นต่างจากนโยบายของรัฐต่อจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า พวกเขาคิดอย่างไร และต้องการเห็นทางออกในการทำให้แผ่นดินปลายด้ามขวานมีความสุขสงบอย่างไร
 
เขาต้องการที่จะแบ่งแยกดินแดนเพื่อที่จะตั้งรัฐ “ปัตตานีดารุลสลาม หรือพวกเขาต้องการที่จะเห็นการ “ปกครองตนเอง”  หรือพวกเขาเพียงต้องการเห็นความ “เท่าเทียมและ “เป็นธรรม เท่านั้น
 
เพราะหากปัญหาของนักศึกษาปัญญาชนที่เห็นต่างจากรัฐ และให้การสนับสนุนการใช้ความรุนแรง รวมถึงการร่วมปฏิบัติการในการก่อการร้าย ย่อมไม่เป็นผลดีต่อสถานการณ์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหากไม่มีการทำความเข้าใจด้วยการพูดคุยเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม สถานการณ์ความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้อาจจะบานปลายกว่าที่มีการวิเคราะห์กัน
 
ยิ่งในขณะนี้นักการเมืองในฝ่ายของอำนาจเก่า และนักการเมืองกลุ่มอื่นๆ ในพื้นที่ต่างถูกโหมกระหน่ำด้วยพายุของการถูกใส่ไคล้ว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการก่อการร้ายทั้งที่ “เกาะสมุย และที่อื่นๆ ล่าสุด ยังมีการนำเรื่องเก่าคือ การ “ปล้นปืน” เมื่อปี 2547 มาเผยแพร่กันใหม่ว่าเป็นผู้สั่งการ ทั้งที่เรื่องการปล้นปืนวันนี้มีการปิดสำนวนกันไปแล้ว
 
เมื่อกลุ่มนักการเมืองเหล่านี้วางเฉย ไม่เป็นพวกของรัฐ ไม่เป็นพวกของโจร และขบวนการนักศึกษาปัญญาชนยังมีความเห็นต่างกับรัฐ และยังขับเคลื่อนไปกับขบวนการผู้เห็นต่าง ดังนั้น หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้จะเท่ากับว่า ในขณะที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พยายามดับไฟ “กองเก่า” แต่กลับก่อเกิด “ไฟกองใหม่” ขึ้นมาอีกหลายกอง ซึ่งเท่ากับว่าการดับไฟกองเก่าได้ แต่ยังมีการจุดไฟกองใหม่เกิดขึ้น เท่ากับว่าเป็นการเหนื่อยและสูญเปล่าทั้งงบประมาณ และชีวิตของไพร่พลที่อาบเลือดทาแผ่นดิน
 
ที่นี่เห็นด้วย และสนับสนุนการแก้ปัญหาความไม่สงบของจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยการพูดคุย ซึ่งต้องพูดกับทุกกลุ่ม และไม่ใช่เป็นการพูดคุยตามวิธีการเพื่อให้เห็นว่ามีการใช้สันติวิธีในการสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น แต่ไม่มีความจริงใจ ซึ่งความไม่จริงใจจะไม่ส่งผลที่ดีต่อการพูดคุย เพราะการพูดคุยที่ได้ข้อเท็จจริง สิ่งที่ต้องสร้างให้เกิดขึ้นคือ ความจริงใจของทั้ง 2 ฝ่าย
 
แต่นอกเหนือจากการพูดคุยกับกลุ่มนักศึกษาปัญญาชน และกลุ่มอื่นๆ แล้ว ณ วันนี้ยังมี “ข่าวร้าย” เต็มพื้นที่ สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องการเห็นคือ ประสิทธิภาพของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในการป้องกันเหตุร้าย ป้องกันการสูญเสียชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการหยุดการก่อเหตุร้ายในเดือนรอมฎอนเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่คนในพื้นที่
 
หวังว่าเดือนรอมฎอนครั้งนี้ ทั้งฝ่ายเรา และฝ่ายเขาคงจะไม่ฉวยโอกาสทำให้เกิด “รอมฎอนเลือด” เพื่อหวังผลที่ต้องการ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับเดือนรอมฎอนของทุกปี
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น