ชุมพร - เรือประมง 2 สัญชาติ ไทย- มาเลเซีย เกิดเพลิงลุกไหม้วอดทั้งลำจมลงก้นทะเล ลูกเรือกว่า 36 คนปลอดภัยขณะออกทำการประมงล้อมจับปลากะตัก จากสายน้ำมันในห้องเครื่องยนต์แตก ความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (2 มิ.ย.) นายจรูญศักดิ์ เพชรศรี หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จ.ชุมพร รับแจ้งมีเรือประมงชื่อ “สยามมีชัย 31” ซึ่งเป็นเรือ 2 สัญชาติออกไปทำการประมงจับปลากะตัก ในทะเลอ่าวไทย หน้าอ่าวปากน้ำชุมพร อยู่ระหว่างบริเวณเกาะทะลุกับเกาะง่ามใหญ่ ได้เกิดไฟลุกไหม้ ลูกเรือ 36 ชีวิต หนีตายกระโดดลอยคออยู่ในทะเลต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน หลังรับแจ้ง จึงนำกำลัง 10 นาย นำเรือตรวจการณ์ประมง 320 ไปที่เกิดเหตุ พร้อมกับหน่วยกู้ภัยทางทะเลปากน้ำชุมพร และเรือตำรวจน้ำรีบรุดไปช่วยเหลือ
จุดเกิดเหตุห่างจากฝั่ง ตำบลปากน้ำชุมพรประมาณ 3 ไมล์ทะเล ระหว่างเกาะทะลุ กับเกาะง่ามใหญ่ พบเรือประมงล้อมจับปลากะตักในเวลากลางวัน ขนาดความยาวเรือประมาณ 15 เมตร กว้าง 8 เมตร ชื่อเรือสยามมีชัย 31 เพลิงกำลังลุกไหม้ควันไฟพวยพุ่งอย่างรุนแรงยากที่จะเข้าช่วยเหลือดับเพลิงได้ จึงเข้าช่วยลูกเรือประมงชาย จำนวน 36
คน ที่ลอยคอเกาะสัมภาระ และแกลลอนน้ำมันอยู่ในทะเลขึ้นมาบนเรือใหญ่ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บแม้แต่คนเดียว นำกลับเข้าฝั่งที่ปากน้ำชุมพรได้อย่างปลอดภัย ส่วนเรือประมงลำดังกล่าวเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดับไฟได้ทัน ทำให้ถูกไฟโหมไหม้วอดทั้งลำ และจมลงสู่ก้นทะเลในที่สุด
จากการสอบสวน นายสมาแอ็น ขุนเศษ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 2 ต.กำแพง อ.ละงู จ.สตูล ไต๋เรือ ให้การว่า เรือตนเป็นเรือ 2 สัญชาติ ไทย-มาเลเซีย ทำประมงอวนล้อมจับปลากะตักในเวลากลางวัน เมื่อเช้าที่ผ่านมา ได้นำเรือออกมาล้อมจับปลากะตักบริเวณที่เกิดเหตุ จู่ๆ ก็เกิดเพลิงลุกไหม้ขึ้นที่ห้องเครื่องในท้องเรือ จึงลงไปดูพบสายแป๊บน้ำมันแตก มีน้ำมันพุ่งฉีดไปถูกเทอร์โบเครื่องไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว โดยในท้องเรือมีถังน้ำมันกว่า 1 หมื่นลิตร และถังแก๊สจึงยากที่จะดับเพลิงได้ จึงโทรศัพท์ และวิทยุแจ้งศูนย์ประมงชายฝั่งให้นำเรือมาช่วยเหลือ ก่อนตนและลูกเรือทั้งหมด 36 คน จะกระโดดลงทะเลเพื่อหนีตาย ส่วนความเสียหายครั้งนี้ ทั้งเรือ และเครื่องมือทำการประมงทั้งหมดรวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท