ดร.จุมพล สงวนสิน อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า กรมประมงเตรียมประกาศปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน-30 มิถุนายนนี้ รวมระยะเวลา 3 เดือน ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ภูเก็ต พังงา กระบี่ และตรัง
อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การปิดอ่าวทะเลอันดามัน เป็นมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูปลาที่มีไข่ และวางไข่เลี้ยงลูก ฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อเปิดโอกาสให้สัตว์น้ำได้วางไข่ ขยายพันธุ์เจริญเติบโตใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และทำประมงอย่างยั่งยืน
สำหรับมาตรการปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2558 นี้ เป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ซึ่งประกอบด้วย 6 หน่วยงาน คือ กรมประมง กองทัพเรือ (ทัพเรือภาคที่ 3) กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมศุลกากร ในการตรวจตราเฝ้าระวังการทำประมงที่ผิดกฎหมายโดยเคร่งครัด เข้มงวดกวดขันไม่มีการผ่อนผันแต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาคประชาชนเฝ้าระวังการทำประมงต่างๆ อาทิ ประมงอาสา ฅนเฝ้าทะเล ยุวประมง ฯลฯ ในการช่วยเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องดูแลการทำประมงที่ผิดกฎหมายร่วมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นผลพวงของความสำเร็จจากการปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความตระหนักรักและหวงแหนในทรัพยากรพื้นถิ่นของตน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเน้นย้ำให้พี่น้องชาวประมงได้ทราบถึงกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการปิดอ่าวฯ ในพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนด โดยระยะเวลาที่ห้าม (ฤดูปลามีไข่) คือระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน ของทุกปี
ส่วนเครื่องมือทำการประมงต้องห้าม ได้แก่ เครื่องมืออวนลากทุกประเภททุกขนาดที่ใช้ประกอบเรือกล เครื่องมืออวนประเภทล้อมจับทุกชนิด เครื่องมืออวนติดตาที่มีช่องตาเล็กกว่า 4.7 เซนติเมตร
ขณะที่เครื่องมือที่ยกเว้นให้ทำการประมงได้ ได้แก่ เครื่องมืออวนล้อมจับปลากะตักทำการประมงเฉพาะในเวลากลางวัน ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก เครื่องมืออวนลากคานถ่างที่ใช้ประกอบกับเรือกล (เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเข้มีคานถ่าง หรือ อวนลากที่ใช้ประกอบกับเรือกล ซึ่งใช้เชือกเส้นใยประดิษฐ์เป็นสายลาก) เฉพาะในเวลากลางคืน ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น และเครื่องมืออวนโป๊ะ
ทั้งนี้ หากมีชาวประมงรายใดฝ่าฝืนใช้เครื่องมือต้องห้ามทำการประมงในพื้นที่ที่ได้ประกาศปิดอ่าวฯ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
อธิบดีกรมประมง ยังได้ฝากคำขวัญปิดอ่าวไว้สั้นๆ ว่า "งดจับปลาฤดูมีไข่ อนุรักษ์ไว้ใช้อย่างยั่งยืน"
อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า การปิดอ่าวทะเลอันดามัน เป็นมาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำในฤดูปลาที่มีไข่ และวางไข่เลี้ยงลูก ฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อเปิดโอกาสให้สัตว์น้ำได้วางไข่ ขยายพันธุ์เจริญเติบโตใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า และทำประมงอย่างยั่งยืน
สำหรับมาตรการปิดอ่าวฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2558 นี้ เป็นการทำงานแบบบูรณาการร่วมกันของศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ซึ่งประกอบด้วย 6 หน่วยงาน คือ กรมประมง กองทัพเรือ (ทัพเรือภาคที่ 3) กองบังคับการตำรวจน้ำ กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกรมศุลกากร ในการตรวจตราเฝ้าระวังการทำประมงที่ผิดกฎหมายโดยเคร่งครัด เข้มงวดกวดขันไม่มีการผ่อนผันแต่อย่างใด
พร้อมกันนี้ ได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายภาคประชาชนเฝ้าระวังการทำประมงต่างๆ อาทิ ประมงอาสา ฅนเฝ้าทะเล ยุวประมง ฯลฯ ในการช่วยเป็นหูเป็นตาคอยสอดส่องดูแลการทำประมงที่ผิดกฎหมายร่วมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นผลพวงของความสำเร็จจากการปลูกจิตสำนึกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความตระหนักรักและหวงแหนในทรัพยากรพื้นถิ่นของตน
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการเน้นย้ำให้พี่น้องชาวประมงได้ทราบถึงกฎระเบียบที่ต้องปฏิบัติตามมาตรการปิดอ่าวฯ ในพื้นที่และระยะเวลาที่กำหนด โดยระยะเวลาที่ห้าม (ฤดูปลามีไข่) คือระหว่างวันที่ 1 เมษายน – 30 มิถุนายน ของทุกปี
ส่วนเครื่องมือทำการประมงต้องห้าม ได้แก่ เครื่องมืออวนลากทุกประเภททุกขนาดที่ใช้ประกอบเรือกล เครื่องมืออวนประเภทล้อมจับทุกชนิด เครื่องมืออวนติดตาที่มีช่องตาเล็กกว่า 4.7 เซนติเมตร
ขณะที่เครื่องมือที่ยกเว้นให้ทำการประมงได้ ได้แก่ เครื่องมืออวนล้อมจับปลากะตักทำการประมงเฉพาะในเวลากลางวัน ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก เครื่องมืออวนลากคานถ่างที่ใช้ประกอบกับเรือกล (เครื่องมืออวนลากแผ่นตะเข้มีคานถ่าง หรือ อวนลากที่ใช้ประกอบกับเรือกล ซึ่งใช้เชือกเส้นใยประดิษฐ์เป็นสายลาก) เฉพาะในเวลากลางคืน ตั้งแต่พระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น และเครื่องมืออวนโป๊ะ
ทั้งนี้ หากมีชาวประมงรายใดฝ่าฝืนใช้เครื่องมือต้องห้ามทำการประมงในพื้นที่ที่ได้ประกาศปิดอ่าวฯ ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
อธิบดีกรมประมง ยังได้ฝากคำขวัญปิดอ่าวไว้สั้นๆ ว่า "งดจับปลาฤดูมีไข่ อนุรักษ์ไว้ใช้อย่างยั่งยืน"