ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กอ.รมน.ภูเก็ต จัดฝึกอบรมกองหนุนแห่งชาติ (กนช.) เพื่อความมั่นคงของจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2558
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (20 พ.ค.) ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติสิรินาถ (หาดในยาง) อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายวีระ เกิดศิริมงคล นายอำเภอถลาง เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมกองหนุนแห่งชาติ (กนช.) เพื่อความมั่นคงของจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2558 ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น โดยมี น.อ.บวร พรมแก้วงาม รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต นายเกษม สุขวารี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต พ.ท.จิตติ มณี สัสดีจังหวัดภูเก็ต นายกิตติพัฒน์ ธรรมาภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ พ.ต.ท.นิกร ชูทอง รอง ผกก.ป.สภ.ท่าฉัตรไชย และทหารกองหนุนผู้ผ่านการเป็นทหารเกณฑ์ และปลดประจำการเรียบร้อยแล้วเข้าร่วม
น.อ.บวร พรมแก้วงาม รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันมีภัยคุกคามรูปแบบใหม่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ นับวันจะทวีความรุนแรง และซับซ้อนมากขึ้น ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง จากเหตุดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงได้เล็งเห็นว่า ภายในกองทัพไทยมีกลุ่มคนที่ถือว่ามีคุณภาพ และอยู่ในองค์กรการจัดของฝ่ายทหาร ซึ่งคือ ทหารกองหนุนที่จะมาเป็นกำลังหลักที่จะใช้เติมเต็ม เสริมสร้างความมั่นคงในด้านต่างๆ ส่วนในยามที่ไม่ปกติ ทหารกองหนุนจะเป็นกำลังสำรองหลักที่สำคัญยิ่งของกองทัพในอันที่จะเสริม ทดแทน หรือจัดตั้งหน่วยเพื่อเพิ่มแสนยานุภาพให้แก่กองทัพ เนื่องจากทหารกองหนุนเป็นผู้ที่เคยผ่านการฝึกอบรม มีชีวิตการรับราชการทหารอย่างน้อย 2 ปี และบางส่วนเคยผ่านราชการสนามมาแล้ว ซึ่งจะเป็นผู้ที่มีระเบียบ วินัย กล้าหาญ และอดทนมากกว่าประชาชนทั่วไป
น.อ.บวร กล่าวต่อไปอีกว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้เล็งเห็นศักยภาพของทหารกองหนุน ซึ่งเคยได้รับการอบรมด้านการทหารมาแล้ว และเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยภาครัฐในการเฝ้าระวังภัยคุกคามต่างๆ ด้วยเหตุดังกล่าว จึงได้มีการมอบหมายให้ กอ.รมน.แต่ละจังหวัด จัดฝึกอบรมทหารกองหนุน และทหารกองเกินในแต่ละจังหวัด โดยเป็นโครงการเสริมความมั่นคงในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในยามศึกสงคราม ทหารกองหนุนจะเป็นกำลังสำรองหลักที่สำคัญยิ่งของกองทัพที่จะทดแทน หรือจัดหน่วยงานใหม่ เพื่อเพิ่มแสนยานุภาพให้แก่กองทัพ นอกจากนี้ ยังเป็นการฝึกทบทวน และเสริมสร้างความรู้ต่างๆ เพื่อให้ทหารกองหนุนได้นำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดให้แก่ประชาชนในพื้นที่อีกครั้ง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (20 พ.ค.) ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติสิรินาถ (หาดในยาง) อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายวีระ เกิดศิริมงคล นายอำเภอถลาง เป็นประธานเปิดการฝึกอบรมกองหนุนแห่งชาติ (กนช.) เพื่อความมั่นคงของจังหวัดภูเก็ต ประจำปี 2558 ซึ่งกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จังหวัดภูเก็ต จัดขึ้น โดยมี น.อ.บวร พรมแก้วงาม รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต นายเกษม สุขวารี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดภูเก็ต พ.ท.จิตติ มณี สัสดีจังหวัดภูเก็ต นายกิตติพัฒน์ ธรรมาภิบาล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ พ.ต.ท.นิกร ชูทอง รอง ผกก.ป.สภ.ท่าฉัตรไชย และทหารกองหนุนผู้ผ่านการเป็นทหารเกณฑ์ และปลดประจำการเรียบร้อยแล้วเข้าร่วม
น.อ.บวร พรมแก้วงาม รอง ผอ.กอ.รมน.จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันมีภัยคุกคามรูปแบบใหม่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ นับวันจะทวีความรุนแรง และซับซ้อนมากขึ้น ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง จากเหตุดังกล่าว กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จึงได้เล็งเห็นว่า ภายในกองทัพไทยมีกลุ่มคนที่ถือว่ามีคุณภาพ และอยู่ในองค์กรการจัดของฝ่ายทหาร ซึ่งคือ ทหารกองหนุนที่จะมาเป็นกำลังหลักที่จะใช้เติมเต็ม เสริมสร้างความมั่นคงในด้านต่างๆ ส่วนในยามที่ไม่ปกติ ทหารกองหนุนจะเป็นกำลังสำรองหลักที่สำคัญยิ่งของกองทัพในอันที่จะเสริม ทดแทน หรือจัดตั้งหน่วยเพื่อเพิ่มแสนยานุภาพให้แก่กองทัพ เนื่องจากทหารกองหนุนเป็นผู้ที่เคยผ่านการฝึกอบรม มีชีวิตการรับราชการทหารอย่างน้อย 2 ปี และบางส่วนเคยผ่านราชการสนามมาแล้ว ซึ่งจะเป็นผู้ที่มีระเบียบ วินัย กล้าหาญ และอดทนมากกว่าประชาชนทั่วไป
น.อ.บวร กล่าวต่อไปอีกว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้เล็งเห็นศักยภาพของทหารกองหนุน ซึ่งเคยได้รับการอบรมด้านการทหารมาแล้ว และเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยภาครัฐในการเฝ้าระวังภัยคุกคามต่างๆ ด้วยเหตุดังกล่าว จึงได้มีการมอบหมายให้ กอ.รมน.แต่ละจังหวัด จัดฝึกอบรมทหารกองหนุน และทหารกองเกินในแต่ละจังหวัด โดยเป็นโครงการเสริมความมั่นคงในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมในยามศึกสงคราม ทหารกองหนุนจะเป็นกำลังสำรองหลักที่สำคัญยิ่งของกองทัพที่จะทดแทน หรือจัดหน่วยงานใหม่ เพื่อเพิ่มแสนยานุภาพให้แก่กองทัพ นอกจากนี้ ยังเป็นการฝึกทบทวน และเสริมสร้างความรู้ต่างๆ เพื่อให้ทหารกองหนุนได้นำความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดให้แก่ประชาชนในพื้นที่อีกครั้ง
