ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ออกหมายจับเครือข่ายผู้ต้องหาค้ามนุษย์โรฮีนจาอีก 1 คน รวมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้ว 62 คน ขณะที่พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีต่อผู้ต้องหา ส่วนเหยื่อการค้ามนุษย์ 63 คน ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ห้ามไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยุ่งเกี่ยวเพราะเป็นพยานสำคัญ ส่วนผู้ต้องหาที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ถูกตั้งกรรมการสอบเตรียมปลดออกจากตำแหน่งแล้ว
วันนี้ (17 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮีนจาที่เชื่อมโยงกัน 4 จังหวัด ทั้งสงขลา สตูล นครศรีธรรมราช และ จ.ระนอง ล่าสุด ในวันนี้ได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 1 ราย คือ นายดาเหร็ด หมานสะโต๊ะ เครือข่ายค้ามนุษย์ใน อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ในข้อหาค้ามนุษย์ กักขังหน่วงเหนี่ยว และเรียกค่าไถ่ รวมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเป็น 62 คน และเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้แล้ว 27 คน ยังเหลืออีก 35 คน ที่ยังหลบหนีหนึ่งในนั้นคือ นายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ซึ่งเป็นตัวการใหญ่ที่เชื่อว่าหลบหนีอยู่ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งตำรวจไทย และมาเลเซียกำลังประสานความร่วมมือในการติดตามจับกุม
ส่วนที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า พล.ต.ต.ปวิน พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าทีมสอบสวน ได้ประชุมสรุปความคืบหน้าการสอบสวนเครือข่ายค้ามนุษย์ทั้งในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 9 และภาค 8 ผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล พยานนิติวิทยาศาสตร์ ผลการตรวจดีเอ็นเอ รวมทั้งผลการชันสูตรศพ เพื่อเอาผิดต่อผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 62 คน โดยในส่วนของผู้ต้องหาที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวได้แล้ว 27 คนนั้น ถูกนำไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวีเพื่อรอส่งฟ้องศาล และคัดค้านการประกันตัวทั้งหมด
ด้านความคืบหน้าการเอาผิดต่อนักการเมืองท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องต่อคดีนี้ โดยเฉพาะ นายบรรจง ปองผล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ และนายมาเลย์ โต๊ะดิน นายก อบต.ปูยู จ.สตูล ขณะนี้ทั้ง 2 คน ได้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปลดจากตำแหน่งหากพบว่ามีความผิดจริง
ส่วนความคืบหน้าการช่วยเหลือชาวโรฮีนจาที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ 63 คนนั้น ขณะนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี โดยผู้ชาย 60 คน ถูกนำไปพักที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพชาย จ.สงขลา ส่วนผู้หญิง3 คน ส่งไปพักที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สงขลา โดยไม่อนุญาตให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว และผู้จะเข้าไปติดต่อต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เท่านั้น เนื่องจากทั้งหมดเป็นพยานสำคัญในคดีนี้ด้วย