พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงส่งมอบสำนวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจาต่อสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว
ผู้บัญชาการตรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลการจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮีนจา พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนการสอบสวนและนำเอกสารหลักฐานจำนวน 19 ลัง กับ 2 แฟ้ม มาส่งมอบต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาความเห็นตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเดิมคดีนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 90 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน จึงออกหมายจับได้เพียง 89 คน สามารถคุมตัวมาสอบปากคำได้ 56 คน และเมื่อวานนี้ เพิ่งมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 30 คน รวมเป็น 120 คน ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ผู้ต้องหาแล้วประมาณ 118 ล้านบาท ซึ่งนับว่าการปฏิบัติงานในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมต่อการปราบปรามการค้ามนุษย์
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้มีทั้งที่อยู่ในเครือข่ายต่างประเทศ ข้าราชการ และนักการเมืองท้องถิ่น ที่ใช้อำนาจเอื้อและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการ ขณะนี้ผู้ต้องหาบางรายเริ่มมีพฤติกรรมข่มขู่พยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีควบคู่กับคดีค้ามนุษย์ พร้อมมั่นใจพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งนี้ เชื่อว่าขณะนี้สามารถหยุดขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาในไทยได้แล้ว
ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบดูแลการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้มีความสลับซับซ้อน และเกิดเหตุในหลายพื้นที่เกี่ยวพันกัน พบการกระทำผิดเป็นเครือข่าย มีผู้ตกเป็นผู้เสียหาย 80 คน และยังมีพยานอีกกว่า 300 ปาก แต่พนักงานสอบสวนได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงาน ปปง. ทำให้มีความมั่นใจว่าจะนำผู้ต้องหาทั้งหมดมาลงโทษตามกฎหมายได้
ส่วน พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าชุดสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา เปิดเผยว่า คดีนี้มีการสอบพยานไปแล้วกว่า 240 ปาก และยังต้องจัดเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองพยาน เนื่องจากพบการข่มขู่พยาน ส่วนกรณี พล.ท.มนัส คงแป้น ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำอำเภอนาทวี เหมือนกับผู้ต้องหาคนอื่น และเมื่อครบกำหนดฝากขังผลัดแรก เจ้าหน้าที่ยังสามารถยื่นเรื่องฝากขังและคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทุกราย
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือ หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หมายเลข 1191 และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า จะเร่งจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป พร้อมยืนยันไทยเป็นประเทศทางผ่าน ไม่ใช่ประเทศต้นทางการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ส่วนการดำเนินคดีอาญากับเครือข่าย ถือเป็นการทำลายเครือข่ายค้ามนุษย์รายสำคัญ โดยยืนยันจะดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง
ผู้บัญชาการตรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการสืบสวนสอบสวนเพื่อขยายผลการจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์โรฮีนจา พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนการสอบสวนและนำเอกสารหลักฐานจำนวน 19 ลัง กับ 2 แฟ้ม มาส่งมอบต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้พนักงานอัยการพิจารณาความเห็นตามกฎหมายต่อไป ซึ่งเดิมคดีนี้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 90 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน จึงออกหมายจับได้เพียง 89 คน สามารถคุมตัวมาสอบปากคำได้ 56 คน และเมื่อวานนี้ เพิ่งมีการออกหมายจับเพิ่มอีก 30 คน รวมเป็น 120 คน ขณะที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยึดทรัพย์ผู้ต้องหาแล้วประมาณ 118 ล้านบาท ซึ่งนับว่าการปฏิบัติงานในครั้งนี้ ถือเป็นความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมต่อการปราบปรามการค้ามนุษย์
ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวด้วยว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้มีทั้งที่อยู่ในเครือข่ายต่างประเทศ ข้าราชการ และนักการเมืองท้องถิ่น ที่ใช้อำนาจเอื้อและมีผลประโยชน์ร่วมกับขบวนการ ขณะนี้ผู้ต้องหาบางรายเริ่มมีพฤติกรรมข่มขู่พยาน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีควบคู่กับคดีค้ามนุษย์ พร้อมมั่นใจพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งนี้ เชื่อว่าขณะนี้สามารถหยุดขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจาในไทยได้แล้ว
ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบดูแลการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้มีความสลับซับซ้อน และเกิดเหตุในหลายพื้นที่เกี่ยวพันกัน พบการกระทำผิดเป็นเครือข่าย มีผู้ตกเป็นผู้เสียหาย 80 คน และยังมีพยานอีกกว่า 300 ปาก แต่พนักงานสอบสวนได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานอัยการสูงสุด และสำนักงาน ปปง. ทำให้มีความมั่นใจว่าจะนำผู้ต้องหาทั้งหมดมาลงโทษตามกฎหมายได้
ส่วน พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าชุดสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา เปิดเผยว่า คดีนี้มีการสอบพยานไปแล้วกว่า 240 ปาก และยังต้องจัดเจ้าหน้าที่ไปคุ้มครองพยาน เนื่องจากพบการข่มขู่พยาน ส่วนกรณี พล.ท.มนัส คงแป้น ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำอำเภอนาทวี เหมือนกับผู้ต้องหาคนอื่น และเมื่อครบกำหนดฝากขังผลัดแรก เจ้าหน้าที่ยังสามารถยื่นเรื่องฝากขังและคัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทุกราย
อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือ หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หมายเลข 1191 และศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หมายเลข 1599 ตลอด 24 ชั่วโมง
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า จะเร่งจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีมาดำเนินคดีต่อไป พร้อมยืนยันไทยเป็นประเทศทางผ่าน ไม่ใช่ประเทศต้นทางการค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา ส่วนการดำเนินคดีอาญากับเครือข่าย ถือเป็นการทำลายเครือข่ายค้ามนุษย์รายสำคัญ โดยยืนยันจะดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง