กระบี่ - ที่ปรึกษา รมต.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตรวจราชการจังหวัดกระบี่ รับฟังปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ พร้อมเตรียมโล๊ะทิ้ง คณะกรรมการแก้ไขปัญหาราคาปาล์ม นั่งทับซ้อนผลประโยชน์
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ( 3 พ.ค.) พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะเดินทางตรวจราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ จากผู้แทนเกษตรกร ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย สหกรณ์จังหวัดกระบี่ โดยมีนายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ให้การต้อนรับ ณ.สำนักงานสหกรณ์จังหวัดกระบี อ.เมือง จ.กระบี่
พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังจากการประชุม ว่า การประชุมในครั้งนี้ทราบว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดำเนินการไปบ้างแล้วโดยแยกเป็น 2 ประเด็น ได้แก่ ปาล์มน้ำมันที่มีอยู่ทางรัฐบาลประกันราคาให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในราคากิโลกรัมละ 4 บาท แต่มีปัญหาอยู่ที่โรงงานที่รับซื้อปาล์มน้ำมันไม่สามารถซื้อได้หมด รับซื้อได้เพียง 85 - 90 % ทำให้มีปาล์มที่เหลืออยู่อีก 10 % ก็จะได้นำเรื่องนี้ไปเรียนให้กับทางรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนต่อไป
ในส่วนของราคายางพาราก็เช่นเดียวกัน คงต้องเร่งดำเนินการแก้ไขราคายางพาราให้ได้ที่กิโลกรัมละ 50- 60 บาท ในฤดูกาลผลิตนี้ ตามแผนงานที่คณะกรรมการแก้ไขราคายางพารา ซึ่งมีนายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ได้นำร่องไปแล้ว ซึ่งเกษตรกรพอใจในระดับหนึ่ง และจะพยายามแก้ไข ส่วนที่เกษตรกรยังมีความต้องการอยู่ ให้ได้โดยเร็วที่สุด สำหรับข้อเรียกร้องของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลรับซื้อผลปาล์มในราคา 4 บาท ที่หน้าลานเท ไม่ใช่หน้าโรงงาน ซึ่งจะนำปัญหากลับกลับไปพูดคุยกับคณะกรรมการแก้ไปปัญหาปาล์มน้ำมันต่อไป
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตัวแทนเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ที่เป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน ไม่เคยให้ข้อมูลที่แท้จริงกับรัฐบาล ทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นในการตัดสินใจโดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ ที่ส่งผลให้ราคาปาล์มของเกษตรกรตกต่ำลงทันที ซึ่งหลังจากนี้ ก็คงจะมีการพิจารณาคณะกรรมการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันกันใหม่ โดยจะให้เกษตรกร ที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เข้ามาอยู่ในบอร์ดของคณะกรรมการฯ ส่วนคนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่จะต้องโล๊ะทิ้ง
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ ( 3 พ.ค.) พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะเดินทางตรวจราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ จากผู้แทนเกษตรกร ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ จำกัด นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย สหกรณ์จังหวัดกระบี่ โดยมีนายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ให้การต้อนรับ ณ.สำนักงานสหกรณ์จังหวัดกระบี อ.เมือง จ.กระบี่
พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังจากการประชุม ว่า การประชุมในครั้งนี้ทราบว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆได้ดำเนินการไปบ้างแล้วโดยแยกเป็น 2 ประเด็น ได้แก่ ปาล์มน้ำมันที่มีอยู่ทางรัฐบาลประกันราคาให้กับเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในราคากิโลกรัมละ 4 บาท แต่มีปัญหาอยู่ที่โรงงานที่รับซื้อปาล์มน้ำมันไม่สามารถซื้อได้หมด รับซื้อได้เพียง 85 - 90 % ทำให้มีปาล์มที่เหลืออยู่อีก 10 % ก็จะได้นำเรื่องนี้ไปเรียนให้กับทางรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องได้รับทราบเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนต่อไป
ในส่วนของราคายางพาราก็เช่นเดียวกัน คงต้องเร่งดำเนินการแก้ไขราคายางพาราให้ได้ที่กิโลกรัมละ 50- 60 บาท ในฤดูกาลผลิตนี้ ตามแผนงานที่คณะกรรมการแก้ไขราคายางพารา ซึ่งมีนายอำนวย ปะติเส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ได้นำร่องไปแล้ว ซึ่งเกษตรกรพอใจในระดับหนึ่ง และจะพยายามแก้ไข ส่วนที่เกษตรกรยังมีความต้องการอยู่ ให้ได้โดยเร็วที่สุด สำหรับข้อเรียกร้องของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดกระบี่ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลรับซื้อผลปาล์มในราคา 4 บาท ที่หน้าลานเท ไม่ใช่หน้าโรงงาน ซึ่งจะนำปัญหากลับกลับไปพูดคุยกับคณะกรรมการแก้ไปปัญหาปาล์มน้ำมันต่อไป
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาตัวแทนเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมัน ที่เป็นคณะกรรมการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมัน ไม่เคยให้ข้อมูลที่แท้จริงกับรัฐบาล ทำให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นในการตัดสินใจโดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบจากต่างประเทศ ที่ส่งผลให้ราคาปาล์มของเกษตรกรตกต่ำลงทันที ซึ่งหลังจากนี้ ก็คงจะมีการพิจารณาคณะกรรมการแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันกันใหม่ โดยจะให้เกษตรกร ที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เข้ามาอยู่ในบอร์ดของคณะกรรมการฯ ส่วนคนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอยู่จะต้องโล๊ะทิ้ง