ตรัง - ทุเรียนเทศ ไม้ผลชื่อดังของภาคใต้ กำลังได้รับความนิยมจากเกษตรกร หลังเกิดกระแสผลิตเป็นสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็ง ทำให้มีการมาขอต้นพันธุ์เพื่อนำไปปลูกจำนวนมาก
นายเสนอ รัตนสำเนียง ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร หรือศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากกระแสความนิยมของทุเรียนเทศ หรือทุเรียนน้ำ ไม้ผลชื่อดังของภาคใต้ เพื่อนำใบ และผลไปผลิตเป็นสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็ง ทำให้มีเกษตรกรให้ความสนใจมาขอต้นพันธุ์ทุเรียนเทศ ไปปลูกกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดตรัง นับเป็นแหล่งอนุรักษ์ต้นพันธุ์ทุเรียนเทศที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย รวมทั้งยังได้มีการเพาะขยายพันธุ์แจกจ่ายให้แก่เกษตรกร นับตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2557 รวมแล้วไม่น้อยกว่า 2 พันต้น
สำหรับจุดเด่นของทุเรียนเทศ ก็คือ ผลมีรูปร่างคล้ายทุเรียน แต่มีรูปทรง และขนาดไม่แน่นอนเปลือกผลสีเขียวเข้ม และมีตุ่มหนามอ่อนนุ่มกระจัดกระจายอยู่โดยรอบ แต่เมื่อผลสุกจะมีสีเขียวอมเหลือง เนื้อผลมีสีขาว ฉ่ำน้ำ รสหวานอมเปรี้ยว ขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะชำเมล็ดในที่มีความชื้น และที่ร่ม เมื่อรดน้ำเช้าเย็นประมาณ 3 สัปดาห์ เมล็ดก็จะงอกออกมาเป็นต้นอ่อน รวมทั้งสามารถขยายพันธุ์ได้โดยการปักชำ ติดตา หรือนำยอดจากต้นพันธุ์มาเสียบกับต้นตอ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ทุเรียนเทศ ออกผลเร็วขึ้น จากปกติ 3 ปี มาเหลือแค่ 2 ปี ทั้งนี้ ต้นพันธุ์ที่มีอายุเพาะชำ 3 เดือนขึ้นไป สามารถนำไปปลูกลงดินได้ทันที
ทุเรียนเทศ มักพบเพียง 1-2 ต้น ขึ้นอยู่ในสวนหลังบ้านของภาคใต้ เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช ตรัง สงขลา จนถือเป็นไม้ผลที่แทบจะถูกลืมไปแล้ว แต่ล่าสุด ได้มีการนำทุเรียนเทศ ไปปลูกกันแพร่หลายมากขึ้น เพื่อเอาใบ และผลไปใช้ประโยชน์ด้านสุมนไพร แม้กระทั่งในพื้นที่ภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกได้ง่าย อีกทั้งยังมีแมลง หรือศัตรูพืชรบกวนน้อยมาก ซึ่งที่ผู้สนใจสามารถมาติดต่อขอต้นพันธุ์ได้ที่ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดตรัง โดยจะแจกจ่ายให้เกษตรได้รายละ 2 ต้น เนื่องจากมีจำนวนจำกัด และคาดว่าทั้งปี 2558 จะสามารถเพาะขยายพันธุ์ได้ประมาณ 1 พันต้น