ระยอง - นายอำเภอเมืองระยอง นำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ และจับกุมพ่อค้าชาวศรีสะเกษ ขายทุเรียนอ่อนเป็นรายแรก หลังได้รับการร้องเรียน
วันนี้ (28 เม.ย.) นายอินทรีย์ เกิดมณี นายอำเภอเมืองระยอง ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหลายรายที่ซื้อทุเรียนข้างตลาดหมอดิษฐ์ ริมถนนสายทับมา-พีเอ็มวาย ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง มารับประทาน ว่า เจอทุเรียนอ่อน จึงพร้อมด้วย นายทรงวุฒิ กสิกรรม เกษตรอำเภอเมืองระยอง นายทรงธรรม ชำนาญ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการตลาด สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง ร.ต.อ.เสนอ รัตนพลแสน รอง สวป.สภ.เมืองระยอง และเจ้าหน้าที่ อส.อำเภอเมืองระยอง เข้าตรวจสอบร้านแผงขายทุเรียนด้านข้างบริเวณตลาดหมอดิษฐ์ พบ นายสมาน ปารมัติ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 8 ต.ชะยูง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ พ่อค้าขายทุเรียน
นายทรงธรรม ชำนาญ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการตลาด สำนักงานเกษตร จ.ระยอง และเจ้าหน้าที่นำอุปกรณ์ตรวจวัดค่าแป้งของทุเรียนทั้งหมด พบว่า แป้งของทุเรียนอยู่ที่ 14-20 ไม่เกิน 30 ปกติต้องเกิน 32 ขึ้น แสดงว่าเป็นทุเรียนอ่อน (ทุเรียนด้อยคุณภาพ) จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองระยองดำเนินคดี
ทั้งนี้ นายอินทรีย์ เกิดมณี นายอำเภอเมืองระยอง กล่าวว่า จังหวัดระยอง ได้ดำเนินมาตรการควบคุมทุเรียนด้อยคุณภาพ (อ่อน) ออกสู่ตลาด และส่งเสริมการบริโภคผลไม้คุณภาพดีจังหวัดระยอง ปี 2558 โดยกำหนดมาตรการและแนวทางในการควบคุมคุณภาพทุเรียนมิให้มีการนำทุเรียนด้อยคุณภาพ (อ่อน) มาวางจำหน่ายในตลาดเนื่องจากเป็นการทำลายเศรษฐกิจ และสร้างความเดือดร้อนแก่เกษตรกรชาวสวนผลไม้ และเพื่อให้มาตรการควบคุมทุเรียนด้อยคุณภาพ (อ่อน) ออกสู่ตลาดจังหวัดระยอง จังหวัดระยองจึงออกประกาศมาตรการให้ผู้ประกอบการ เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ผู้ตัดทุเรียน ผู้จำหน่ายทุเรียน และผู้บริโภคได้ทราบโดยทั่วกันว่า หากพบผู้ตัดและจำหน่ายทุเรียนด้อยคุณภาพ (อ่อน) โดยเจตนาจะต้องมีความผิดระวางโทษคือ
1.ความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณแห่งของนั้นเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 2.ความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 มาตรา 47 ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือสาระสำคัญ ประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าผู้กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งกระทำผิดซ้ำอีก ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ