ผลไม้ขึ้นชื่อเมืองจันทบุรี ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด เงาะ หรือมะม่วง ผ่านกระบวนการแช่แข็งแบบสดๆ ทั้งลูก ช่วยยืดอายุเก็บรักษาได้นานเท่านาน กลายเป็นสินค้าที่ตลาดต่างประเทศตอบรับดียิ่ง ขนาดไม่เพียงพอจะส่งขาย และที่สำคัญ นับเป็นต้นแบบของธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีส่วนช่วยเหลือชาวสวนรายย่อย ลดปัญหาผลผลิตการเกษตรล้นตลาด และประคองราคาผลไม้ไม่ให้ตกต่ำจนเกินไป
ธุรกิจดังกล่าวเป็นของบริษัท อินฟินิท ฟรุ๊ต จำกัด ผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ประจำจังหวัดจันทบุรี บุกเบิกโดย “พจนา กิจกาญจน์” ที่เริ่มต้นอาชีพนี้ตั้งแต่ 30 กว่าปีที่แล้ว จากเบื้องต้นทำสวน และส่งออกผลไม้สด แต่ในช่วงหนึ่ง ประสบวิกฤตราคาสินค้าตกต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากที่ชาวสวนผลไม้ประสบเสมอ
เพื่อจะฝ่ามรสุมธุรกิจดังกล่าว สาวเก่งพยายามค้นหาวิธีการยืดอายุการเก็บรักษาผลไม้ ไม่ปล่อยให้เน่าเสียเปล่าประโยชน์ จนนำมาสู่การใช้เทคโนโลยี “แช่เยือกแข็งผลไม้” หรือ Air Blast ที่มีความพิเศษโดดเด่น ด้วยการแช่แข็งผลไม้สดๆ แบบทั้งลูก สามารถคงคุณภาพทั้งรูปทรง รสชาติ และเนื้อสัมผัสใกล้เคียงกับผลไม้สดอย่างยิ่ง
“ในเวลานั้นการแช่แข็งผลไม้ในต่างประเทศมีมาก่อนแล้ว และตลาดมีความต้องการสูง ส่วนในเมืองไทยแทบจะไม่มีใครทำมาก่อน ทำให้เราเห็นโอกาสที่อยากจะทำได้บ้าง เพื่อจะแก้ปัญหาราคาผลไม้บ้านเกิดตกต่ำ เลยทดลองทำมาเรื่อยๆ รวมถึงต่างชาติมาต่อยอดความรู้” พจนาเล่า และอธิบายต่อว่า
“โดยทั่วไปการแช่แข็งผลไม้ จะปอกเปลือก แกะเอาเฉพาะส่วนเนื้อผลไม้เท่านั้น ซึ่งในกระบวนการปอกหรือแกะจะเกิดความเสียหายสูง เราเลยมาพัฒนาเพิ่มเติมเป็นการ “แช่แข็งแบบทั้งลูก” มีข้อดี นอกจากลดความสูญเสียจากกระบวนการปอกแล้ว ยังช่วยคงรสชาติโดยเฉพาะกลิ่นของผลไม้ไว้ได้ใกล้เคียงของสดมากกว่า ซึ่งเวลานั้นถือเป็นสินค้าใหม่ ตลาดตอบรับอย่างสูง” เจ้าของธุรกิจระบุ
หัวใจสำคัญที่ทำให้ผลไม้สดถูกแช่แข็งทั้งลูก แล้วคงทั้งรูปทรงและรสชาติใกล้เคียงของสดนั้น คือ ระบบ “ห้องเย็น” ที่ต้องแช่เย็นในอุณหภูมิ -40 องศาเซลเซียส ในระยะสั้นแค่ 6-7 ชั่วโมง หลังจากนั้นนำไปเก็บในห้องเย็นที่อุณหภูมิ -25องศาฯ ซึ่งตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้อุณหภูมิควบคุมเช่นนี้ แบคทีเรียและเชื้อราที่เป็นต้นเหตุให้ของเน่าเสียจะไม่เกิดขึ้น ทำให้ผลไม้สามารถจะเก็บไว้ได้นานเท่านานที่ต้องการ
แม้จะดูไม่ยุ่งยากซับซ้อน แต่ในความเป็นจริงนั้นเธอบอกว่า อาศัยการเรียนรู้และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามามากมาย กว่าจะพบเทคนิคแช่แข็งผลไม้แต่ละชนิดให้เหมาะสม รวมถึงต้องลงทุนสูงมาก โดยเฉพาะการก่อสร้างและวางระบบโรงงานแช่แข็งแห่งนี้ ไม่รวมค่าที่ดิน มูลค่ากว่า 70 ล้านบาท
พจนาระบุต่อว่า อีกข้อดีของการทำผลไม้แช่แข็ง สามารถควบคุมราคาได้เอง ไม่ต้องขึ้นลงตามหน้าฤดูกาลเหมือนผลไม้สด โดยผลผลิตจะถูกเก็บไว้ในห้องเย็นที่อุณหภูมิ -25 องศาฯ แล้วทยอยส่งขายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีห้องเย็นรองรับการเก็บต่อรอบได้ประมาณ 700-800 ตัน
บริษัท อินฟินิท ฟรุ๊ต จำกัด ถือเป็นผู้ส่งออกผลไม้รายใหญ่ประจำเมืองจันท์ ปริมาณส่งแต่ละปีมากกว่า 20,000 ตัน สินค้าสำคัญได้แก่ ทุเรียน มังคุด เงาะ และมะม่วง นอกจากจะส่งออกแบบแช่แข็งแล้ว ยังส่งออกผลไม้สด และผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูป เช่น น้ำผลไม้ ผลไม้แปรรูป ปุ๋ยจากเปลือกมังคุด ฯลฯ ตลาดสำคัญ ได้แก่ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และกลุ่มอาเซียน เป็นต้น ผลประกอบการปีที่แล้ว (2557) กว่า 400-500 ล้านบาท
เนื่องจากมีปริมาณส่งออกสูงอย่างยิ่ง ลำพังผลผลิตจากสวนที่ปลูกเองบนเนื้อที่กว่า 250 ไร่ย่อมไม่เพียงพอต่อความต้องการของออเดอร์ ดังนั้น อีกบทบาทที่สำคัญของบริษัทแห่งนี้ คือเป็นแหล่งรับซื้อผลไม้สดจากชาวสวนรายย่อย โดยเฉพาะในช่วงหน้าผลไม้ออกพร้อมกันจนล้นตลาด ราคาตกต่ำ บริษัทจะรับเหมาซื้อผลไม้ไว้เองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยให้ราคาสูงกว่าท้องตลาด 1-2 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบทำผลไม้แช่แข็งส่งออก วิธีนี้ นอกจากจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังช่วยพยุงราคาไม่ให้ตกต่ำจนเกินไป
“ช่วงหน้าผลไม้ออกพร้อมๆ กัน และใกล้จะสุกเต็มที่ ชาวสวนจะถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาอย่างมาก เพราะถ้าไม่ขายก็ต้องปล่อยเน่าเปล่าประโยชน์ เลยต้องยอมขายถูกๆ ทำให้ราคาผลไม้ในท้องตลาดตกลงไปอีก ดังนั้น เราพยายามรับซื้อผลผลิตของชาวสวนให้มากที่สุด ลงทุนครั้งละหลักร้อยล้านบาท ให้ราคาสูงกว่าท้องตลาดเพื่อดันราคาตลาดสูงขึ้น ภายใต้เงื่อนไขว่า เกษตรกรที่จะมาขายให้เราต้องมีผลผลิตได้มาตรฐาน ซึ่งวิธีนี้จะจูงใจชาวสวนต้องปลูกผลไม้ให้มีคุณภาพ ไม่ใช้สารพิษ เพื่อจะขายได้ในราคาที่สูงกว่า” พจนากล่าว
อย่างไรก็ตาม เธอยอมรับว่าความพยายามดังกล่าวเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ในการลดปัญหาราคาผลไม้ตกต่ำ ทว่า อยากวอนภาครัฐควรสร้างห้องแช่แข็งที่มีปริมาณเก็บสต๊อกมากกว่า 5,000 ตัน กระจายตามแหล่งผลิตผลไม้สำคัญๆ ของประเทศ เพื่อจะเก็บผลไม้แช่แข็งจากชาวสวนทั่วประเทศ ซึ่งวิธีนี้จะลดปัญหาผลไม้ล้นตลาด มีผลผลิตส่งออกได้ทั้งปี
อีกทั้งมีการทำศูนย์วิจัยและเรียนรู้การทำเกษตรครบวงจร ตั้งแต่การปลูก เทคโนโลยี งานวิจัย การแปรรูป ฯลฯ เพื่อส่งเสริมเกษตรกรยกระดับการผลิต เชื่อว่าจะเป็นหนทางให้หลุดพ้นวงจรราคาสินค้าตกต่ำอย่างยั่งยืน
“จากประสบการณ์ของดิฉัน กล้าบอกว่า ผลไม้คุณภาพดียังไงก็ขายได้ ราคาไม่มีตก เพราะผลไม้จากประเทศไทยได้รับความนิยมและเชื่อถือจากต่างชาติอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดเอเชีย แม้ช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกจะไม่ดี แต่การส่งออกของบริษัทเราก็ยังเติบโต แสดงให้เห็นว่า ผลไม้ไทยมีศักยภาพมาก แต่สิ่งที่ต้องเร่งพัฒนา ชาวสวนต้องปลูกได้คุณภาพ ไม่เช่นนั้นจะถูกกดราคาเรื่อยไป” เจ้าธุรกิจเผย
ในด้านการแข่งขันของธุรกิจผลไม้แช่แข็งทั้งลูกนั้น พจนาระบุว่า ในเมืองไทยผู้ทำธุรกิจนี้น้อยมาก และส่วนใหญ่เป็นพันธมิตรธุรกิจ ไม่มีปัญหาแย่งลูกค้าหรือตลาดกัน อย่างไรก็ตาม ที่ควรกังวลคือ ปัจจุบัน นักลงทุนจีนที่พร้อมเรื่องทุน เข้ามากว้านซื้อที่ดินทำสวนจำนวนมาก โดยจ้างคนไทยปลูกเพื่อส่งออกผลไม้ไปแทน ในขณะที่การผลิตบางครั้งยังไม่ได้คุณภาพ หากปล่อยเช่นนี้โดยขาดการดูแล อนาคตอาจกระทบอาชีพทำสวนของคนไทย และภาพลักษณ์ผลไม้ไทยด้วย
* * * คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า "SMEsผู้จัดการ" รับข่าวสารในแวดวงธุรกิจเอสเอ็มอีที่สมบูรณ์แบบที่สุด และร่วมสนุกกับกิจกรรมลุ้นรับของรางวัลมากมาย คลิกที่นี่เลย!! * * *