พัทลุง - เจ้าของบ้านไฟไหม้ปริศนาถูกเรียกตัวเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน สภ.ตะโหมด จ.พัทลุง หลังมีคลิปวิดีโอเผยแพร่ในโลกออนไลน์แฉเจ้าของบ้านอาจมีส่วนจุดไฟปริศนานี้ขึ้นมาเอง ขณะที่ทีมนักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญฟิสิกส์ เคมี มหาวิทยาลัยทักษิณ ลงพื้นที่ตรวจสอบด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ คาดรู้ผลภายใน 2 วัน
วันนี้ (29 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตะโหมด จ.พัทลุง ได้เชิญตัว นายล้อม ศักดิ์หวาน อายุ 63 ปี นายกิติยา ศักหวาน ลูกชาย และวรรณธนา สิงห์เรือง ลูกสะใภ้ มาให้ปากคำต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดไฟลุกไหม้ปริศนาในบริเวณบ้านพัก โดยก่อนหน้านี้ช่วงแรกๆ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไฟไหม้บริเวณบ้านดังกล่าวมาแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุป ล่าสุด หลังจากมีการเผยแพร่คลิปข่าวจากสื่อมวลชนที่ระบุว่า พบหลักฐานชี้ชัดว่า การเกิดไฟไหม้ในครั้งนี้เกิดจากการกระทำของเจ้าของบ้านที่เป็นผู้จุดไฟขึ้นมาเอง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรียกมาสอบปากคำอีกครั้ง
โดย นายกิติยา ศักดิ์หวาน ลูกชายเจ้าของบ้านไฟไหม้ปริศนา กล่าวหลังไปให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกมาสอบเพิ่มเติมหลังมีคลิปข่าวเผยแพร่ออกไป แต่ตนเชื่อว่าไม่มีใครในบ้านเป็นคนเผา หากเผาตามที่สื่อเสนอจะเผาเพื่ออะไร
“อยากถามว่าทำไมไม่นำเสนอมุมอื่นว่าเป็นเช่นไร คนในครอบครัวยอมเอาหัวเป็นประกันหากมีคนในบ้านเผาเอง ไม่โทษนักวิชาการ หรือสื่อที่ทำคลิปข่าวนี้หรอกเพราะพวกนี้ชอบหากินบนความทุกข์ของคนอื่นอยู่เสมอ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่วันนี้มีทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยทักษิณ นำโดย ดร.เปลื้อง สุวรรณมณี ผู้อำนวยการสถาบันปฏิบัติการชุมชนเพื่อการศึกษาแบบบูรณาการ (ICOFIS) มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตสงขลา พร้อมคณะนักวิทยาศาสตร์ในสาขาที่เกี่ยวข้องต่อเรื่องนี้และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ จำนวนประมาณ 20 คน ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ทราบไฟปริศนาที่เกิดขึ้นมากว่า 1 เดือนเศษ มีการเกิดไฟลุกไหม้รวมกว่า 200 ครั้ง โดยทีมนักวิชาการได้ติดตั้งรั้วล้อมบ้านหลังนี้ไว้ และติดป้ายห้ามบุคคลภายนอกเข้า พร้อมกับติดตั้งกล้องวงจรปิด จำนวน 11 ตัว ตามพื้นที่เป้าหมายที่คาดว่าจะมีไฟปริศนาเกิดขึ้น
ดร.เปลื้อง กล่าวว่า ทีมงานจะตรวจสอบพิสูจน์ทราบตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการทางฟิสิกส์ และกระบวนการทางเคมี โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 วัน จึงจะได้คำตอบที่เป็นเหตุเป็นผลเพื่อสามารถตอบข้อสงสัยของประชาชนได้ทุกแง่ทุกมุม
