xs
xsm
sm
md
lg

ผลสอบชี้ชัด! วิธีประกอบ “คาร์บอมบ์” บึ้มเซ็นทรัลฯ สมุย คล้ายวิธีของโจรใต้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตำรวจยกกำลังลงพื้นที่ปัตตานี หลังพบหลักฐานเชื่อมโยงการประกอบระเบิดบึ้มสมุยคล้ายกับฝีมือโจรใต้ในพื้นที่ จชต. โดยเคยก่อเหตุระเบิด 30 จุด เมื่อปี 2553 ชุดติดตามรถโจรปวดหัวพบคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซื้อรถไม่มีการโอน พบ “ดีแม็กซ์” ที่ใช้ในการนำมือระเบิดกลับปัตตานี ซื้อเมื่อปี 2551 ขายเปลี่ยนมือโดยไม่โอน 5 ครั้ง

วันนี้ (24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ที่เป็นผู้รับผิดชอบคดี “คาร์บอมบ์” ที่ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล อ.เกาะสมุย จ.สุราษฏร์ธานี ได้นำภาพสเก็ตซ์ ของบุคคลที่สเก็ตซ์ตามการให้การของพยาน ที่เห็นหน้าของ มือระเบิดคาร์บอมบ์ และเห็นหน้าของคนร้ายที่ร่วมทีม ซึ่งเดินทางไปกับรถเก๋งยี่ห้อ ฮอนด้า ซีวิค มายังสำนักงานพิสูจน์หลักฐาน จ.ปัตตานี เพื่อตรวจสอบภาพสเก็ตซ์ดังกล่าวกับภาพในแฟ้มประวัติอาชญากรรม ของผู้ก่อการร้ายใน จ.ปัตตานี ซึ่งมีแฟ้มประวัติ และมีภาพถ่าย เพื่อตรวจสอบว่า มีใครบ้างที่มีใบหน้าคล้ายกับภาพสเก็ตซ์ ตามคำบอกเล่าของพยานผู้เห็นหน้าของคนร้ายหรือผู้ต้องสงสัย ซึ่งผลจากการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต่างไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

ซึ่งจากการตรวจสอบภาพในแฟ้มกลุ่มผู้ก่อการร้าย ขบวนการแบ่งแยกดินแดนครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ต้องการนำภาพที่สเก็ตซ์ได้ไปเทียบเคียงกับภาพของ นายอัสมีน กาเต็มมาดี และนายฮากีม ดอเลาะ ซึ่งเป็น 2 ในกลุ่มของแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน ที่ก่อเหตุวางระเบิดใน อ.เมือง จ.ปัตตานี 32 จุด เมื่อ ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งมีหมายจับตาม พรก. แต่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี

โดย พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ผู้เป็นหัวหน้าชุดสืบสวนหารถยนต์ และคนร้าย ที่ก่อเหตุคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย ได้เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า จากการตรวจสอบ วิธีการประกอบระเบิด และอุปกรณ์ ที่คนร้ายใช้ในการประกอบระเบิด พบว่าการประกอบระเบิดของแนวร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ก่อคดีในพื้นที่ จ.ปัตตานี จึงมั่นใจว่าคนร้ายทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังการทำ “คาร์บอมบ์” ที่ห้างเซ็นทรัล เฟสติวึล เกาะสมุย เป็นทีมของ แนวร่วม จ.ปัตตานี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่หลายส่วน ทั้ง ศชต. และ กองปราบจากสอบสวนกลาง อยู่ระหว่างการลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อหาจุดเชื่อมโยง และหาหลักฐานเพื่อออกหมายจับ และติดตามจับกุมคนร้าย

ในขณะที่ พ.ต.อ.ปพนวัฒน์ ขัตติยะวรานนท์ ผกก.สภ.ยะหา ได้เปิดเผยว่า จนถึงขณะนี้ในส่วนของคดีการปล้นรถยนต์ยี่ห้อมาสด้า ของ อบต.ละแอ อ.ยะหา ไปประกอบเป็น “คาร์บอมบ์” ที่ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล เกาะสมุย และมีการออกหมาย พรก.ฉุกเฉิน มีเพียง 2 คน คือ นายอับดุลราซะ ดูมีแด พนักงานขับรถของ อบต.ละแอ และนายอับดุลรอนิง ดือราแม พนักงานขับรถ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.ปัตตานี ส่วนผู้ที่ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่ กรมทหารพรานที่ 41 จ.ยะลา อีก 2 คน เพื่อเข้าสู่ขบวนการซักถามคือนายซาบีดิง ซาและดิง ซึ่งควบคุมตัวได้จากพื้นที่ ต.ปะแต เป็นคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา และนายคอศซาพี ดือเระ ซึ่งควบคุมตัวมาจาก จ.ปัตตานี ยังไม่ทราบว่าผลการซักถาม จะเชื่อมโยงถึงนายอับดุลราซะ และนายอับดุลรอนิง หรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายว่า สำหรับนายซาบีดิง สามะบิง ครูอัตราจ้าง โรงเรียนบ้านประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานีนั้น ในวันที่ 25 เม.ย.จะครบ 7 วัน ซึ่งหากการซักถามพบว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ “คาร์บอมบ์” และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่ใช้ประกอบคดีจะถูกปล่อยตัว แต่ถ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี ไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ต้องทำการขอหมายศาล เพื่อส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าสู่ขบวนการซักถาม และสอบสวนที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้อีก 30 วัน

เจ้าหน้าที่ของศูนย์ซักถาม ได้ให้รายละเอียดว่าในส่วนของนายอับดุลรอนิง ดือราแม นั้น จากการซักถามเพิ่มเติม ได้ให้การเป็นประโยชน์ว่าเป็นผู้ที่ซื้อรถยนต์ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู มาจากเต็นท์รถจริง โดยซื้อมารตั้งปี 2551 และได้ขายไปนานแล้ว เพราะตนเองมีงานอดิเรกในการซื้อขายรถเมื่อนำมาใช้ และขายได้กำไรก็ขายไปเพื่อหาซื้อรถยนต์คันใหม่ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามไปสอบสวนผู้ที่ซื้อรถไป พบว่ามีการขายต่อไปแล้ว จนถึงขณะนี้มีการขายไปแล้ว 5 ทอด และ เป็นการขายต่อที่ผู้ขายตอบไม่ได้ว่า สุดท้ายรถยนต์คันนี้อยู่ในความครอบครองของใคร เนื่องจากทะเบียนรถยนต์ยังเป็นชื่อของนายอับดุลรอนิง เพราะยังไม่ได้มีการโอนให้กับผู้ซื้อรายแรก แต่ผู้ซื้อได้ขายต่อ และมีการขายต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการโอนชื่อตามกฎหมาย

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นจำนวนมากที่ซื้อ และขายรถ โดยไม่มีการโอนทะเบียนเป็นของตนเอง และผู้ที่ซื้อต่อก็ซื้อไปโดยไม่มีการโอนเช่นกัน ในขณะที่บางรายซื้อ-ขาย ด้วยการโอนลอยไว้ ส่วนผู้ซื้อจะขายต่อให้ใคร ค่อยดำเนินการกรอกชื่อในภายหลัง และมีเป็นจำนวนมาก ที่เจ้าของผ่อนไม่ไหว และขายให้ผู้ซื้อในราคาถูกๆ โดยไม่มีการโอน ซึ่งในการแกะรอยรถทั้ง 3 คัน สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกันผู้ที่มีอาชีพขายรถมือสองในจังหวัดปัตตานีต่างหวาดกลัว เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจสอบ รถยนต์ที่ครอบครอง เนื่องจากมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่มีอาชีพซื้อ-ขายรถยนต์มือ 2 โดยที่ไม่มีเต็นท์รถ แต่นำรถยนต์ 2-3 คัน มาจอดไว้ที่บ้าน เพื่อหาลูกค้า และรถยนต์เหล่านั่นส่วนหนึ่งเป็นรถที่มีการโอนลอย และบางส่วนหลักฐานยังอยู่ที่เจ้าของเดิม ซึ่งหากมีการตรวจค้น หรือตรวจสอบจะต้องถูกดำเนินคดี
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น