ปัตตานี - แม่ทัพภาคที่ 4 นำหน่วยงานในพื้นที่สร้างความเข้าใจกับประชาชนที่บ้านโต๊ะชูด อ.ทุ่งยางแดง น้อมรับความผิดพลาดกรณีชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิต 4 ศพขณะเจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้นผู้ต้องสงสัย พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนฝ่าฝันวิกฤตด้วยการใช้หลักสันติแก้ไขปัญหา เน้นยุทธศาสตร์การพัฒนา ไม่เน้นการใช้กำลัง
วันนี้ (11 เม.ย.) ที่โรงเรียนบ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.อนุรต กฤษณะการะเกต ผบ.ศชต. นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต. นายวีรพงศ์ แก้วสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมด้วยตัวแทนของคณะกรรมการสืบหาเท็จจริงกรณีเหตุปะทะบ้าโต๊ะชูด ได้นำเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนลงพื้นที่เพื่อพบปะกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ต.พิเทน โดยเฉพาะประชาชนในหมู่บ้านโต๊ะชูด ที่เป็นพื้นที่เกิดเหตุความไม่สงบเมื่อวันที่ 25มีนาคม ที่ผ่านมา
ซึ่งทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกยิงเสียชีวิตในระหว่างการเข้าปิดล้อมพื้นที่เป้าหมาย ของเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญ (นปพ.ศชต.) เพื่อดำเนินควบจับกุมผู้กระทำผิดคดีความมั่นคง และถูกเจ้าหน้าที่กล่าวว่าผู้ตายนั้นเป็นผู้ก่อความไม่สงบ ทั้งยังมีการพกพาอาวุธปืนยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว จนเกิดความไม่พอใจให้กับครอบครัว และญาติผู้เสียชีวิตตลอดจนประชาชนในพื้นที่ จึงมีการลงพื้นที่พบปะชาวบ้านเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
ทั้งนี้หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้มอบหมายให้ทางจังหวัดปัตตานีแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงจากกรณีดังกล่าวภายในเวลา 7วัน ในที่สุดคณะกรรมการชุดดังกล่าวสามารถสรุปผลการสอบข้อเท็จจริง และได้มีการแถลงข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการว่าบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าที่ยิงนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่ผู้ก่อความไม่สงบ และยืนยันผลการสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการดังกล่าวพบว่าอาวุธปืนสงครามพร้อมวัตถุระเบิดที่พบเจอในที่เกิดเหตุนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ตายแต่อย่างใด จึงทำให้ญาติและพี่น้องประชาชนในพื้นที่บ้านโต๊ะชูด ต.พิเทน นั้นพึงพอใจกับพลสรุปดังกล่าว และพร้อมที่จะให้อภัยจากการผิดพลาด หลังจากที่ทาง พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้กล่าวขออภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเรียกร้องให้นำผู้กระทำผิดมาสู่กระบวนการยุติธรรม
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่าระยะเวลา 12 ปี ที่ผ่านมาของการเกิดเหตุสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้ประชาชน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องได้รับการสูญเสีย เกิดปัญหาพ่อหม้าย แม่หม้าย ลูกกำพร้า ประชาชนต้องคดีหมายจับเป็นจำนวนมาก ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ บางส่วนก็หลบหนีเข้าป่า ไม่ได้อยู่กับครอบครัว เพราะกลัวถูกดำเนินคดี จนกลายเป็นปัญหาให้กับพื้นที่
“ต่อไปนี้เราจะดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ถ้ามีการปิดล้อมเราจะใช้ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ญาติ พ่อแม่ เพื่อเข้ามามีส่วนในการเรียกร้องให้ผู้ที่มีหมายจับ ให้ยอมมามอบตัวต่อสู่คดีตามกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมาเราได้ทำสำเร็จมาแล้วถึง 5 ราย บางรายมีหมายจับมามากถึง10หมายด้วยกัน แต่เราสามารถควบคุมโดยไต้องใช้อาวุธ แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่ามันผิดพลาดของตรงนี้อย่างไร จึงขอเวลาให้ผู้เกี่ยวข้องเขาดำเนินการสอบถึงสาเหตุ” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
ส่วนบรรยากาศภายในงานทางหน่วยแพทย์เคลื่อนกองทัพบกได้นำเจ้าหน้าที่แพทย์มาให้บริการตรวจรักษาโรคทั่วไปให้กับประชาชน มอบแว่นตาสายตาฟรี มีการบริการเครื่องดื่มชาชัก แจกขนมจากทหารพรานหญิง สร้างบรรยากาศชื่นมืนได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ประชาชนต้องเกิดความรู้สึกที่ไม่ดีกับชุดดำมาก่อนหน้านี่ จะเห็นได้เด็กๆ และผู้ใหญ่ต่างก็เข้าแถวเพื่อรับชาชักที่ทหารพรานหญิงนำมาบริการฟรี