ตรัง - เกษตรกรชาวสวนยางเมืองตรังเดือดร้อนหนักจากราคายางพาราที่ตกต่ำ ถึงขั้นนำสวนไปจำนองขายฝาก และไม่มีเงินไปไถ่ถอน เนื่องจากรายได้น้อย แต่ค่าครองชีพกลับพุ่งสูงขึ้นนับเท่าตัว ทำให้เกิดปัญหาในครอบครัว และโจรชุกชุม เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งเข้ามาแก้ปัญหาโดยเร็ว หวั่นเกิดการชุมนุมอีกครั้ง
วันนี้ (8 เม.ย. ) นายศักร์สฤษฎิ์ ศรีประศาสตร์ แกนนำภาคีชาวสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมันรายย่อย 16 จังหวัดภาคใต้ ระบุว่า ขณะนี้พี่น้องชาวสวนยางพาราทั้งภาคใต้กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากปัญหาราคายางพารายังไม่ได้รับการแก้ไข และกระทบทั้งระบบ โดยเฉพาะชีวิตประจำวัน บางรายถึงขั้นนำสวนยางพาราของตนเองไปจำนองขายฝาก และไม่สามารถไถ่ถอนคืนได้ เพราะมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย หลังจากที่ค่าครองชีพได้พุ่งสูงขึ้นนับเท่าตัว อีกทั้งการที่รัฐบาลได้มีการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการมาก่อนหน้านี้ ยังเป็นการซ้ำเติมชาวสวนยางพาราอย่างเห็นได้ชัด เพราะสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิดต่างปรับราคาสูงขึ้น ในขณะที่สินค้าเกษตรกลับมีราคาตกลง
ดังนั้น ตนจึงไม่แปลกใจว่าทำไมในช่วงนี้จึงมีโจรชุกชุม และมีปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น เนื่องจากชาวสวนยางพาราแต่ละครอบครัวในภาคใต้มีรายได้ลดลง โดยเมื่อก่อนมีเม็ดเงินจากการกรีดยางวันละ 700-1,000 บาท ซึ่งก็แค่พออยู่ได้ต่อค่าครองชีพ แต่มาตอนนี้มีเม็ดเงินเหลือแค่วันละ 150-300 บาท ตนจึงอยากให้ลองนึกภาพดูว่า จะมีความเดือดร้อนมากมายเพียงใดโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงใกล้เปิดเทอมใหม่ ประจำปี 2558 ยิ่งทำให้ชาวสวนยางพาราเกิดความเดือดร้อน จนบุตรหลานอาจไม่ได้เล่าเรียนหนังสือตามปกติ เพราะพ่อแม่ผู้ปกครองบางครอบครัวไม่มีกำลัง หรือมีรายได้สูงเหมือนเช่นเมื่อก่อน
ส่วนการที่รัฐบาลออกมาบอกว่า อย่าฝากความหวังไว้เฉพาะรายได้จากยางพาราเพียงอย่างเดียว แล้วบอกให้ชาวสวนยางพาราไปทำอาชีพอื่น หรือทำอย่างอื่นเสริม ตนบอกได้เลยว่าทุกอย่างต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3-4 ปี จึงจะเห็นผล ต่างไปจากอาชีพทำสวนยางพาราที่อยู่คู่กับคนใต้มานานกว่า 100 ปีแล้ว จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรีบแก้ปัญหาโดยเร็ว โดยเฉพาะราคายางพาราก้นถ้วยซึ่งตกต่ำลงมาก และอย่าเลือกช่วยเฉพาะพ่อค้านายทุน หากไม่เช่นนั้นพี่น้องชาวสวนยางพาราคงจะอยู่เฉยไม่ได้ ซึ่งหากผู้คนมารวมตัวกันด้วยความเดือดร้อนจริงๆ โดยไม่ได้เกี่ยวเนื่องต่อการเมือง การควบคุมคงเป็นได้ยาก