สุราษฎร์ธานี - ตำรวจกองปราบ ลงพื้นที่คลี่คลายคดีนักศึกษาสาวราชภัฏสุราษฎร์ธานี เสียชีวิตปริศนาใกล้สะพานศรีสุราษฎร์ แต่ยังไม่ฟันธงว่าเสียชีวิตจากเหตุอะไร เนื่องจากขาดพยานหลักฐานที่สำคัญ
จากกรณี น.ส.นันทวรรณ วิชัยกุล หรือน้องแจน อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำใกล้กับสะพานศรีสุราษฎร์ ทรัพย์สินที่ประกอบด้วย เงินสดเกือบ 30,000 บาท โทรศัพท์มือถือ กุญแจรถจักรยานยนต์ และกระเป๋าหายไป โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 8 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา ต่อมา นางณัฐนรี วิชัยกุล อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200/86 หมู่ 2 ต.ท่าซัก อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พี่สาวของ น.ส.นันทวรรณ วิชัยกุล หรือน้องแจน ได้เดินทางเข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.ท.สุเอก ฉินธนทรัพย์ พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์ขอให้ตำรวจ บก.ป.ช่วยสืบสวนคดีการเสียชีวิตของน้องสาว เนื่องจากคดีกลับยังไม่มีความคืบหน้า
พร้อมอ้างว่า ศพของน้องสาวตนมีรอยเขียวช้ำบริเวณข้อมือ และลำคอ ส่วนที่ศีรษะเปียกน้ำ แต่เสื้อผ้าเปียกเพียงบางจุด นอกจากนี้ แหวน และสร้อยคอทองคำก็ยังอยู่ครบ ภายหลังเสียชีวิต 7 วัน จึงได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมไปถึง ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี เพราะเห็นว่าการเสียชีวิตของน้องสาวในครั้งนี้มีเงื่อนงำ และน่าจะเป็นการฆาตกรรม โดยมีข้อสงสัยว่าอาจเป็นเรื่องชู้สาว เนื่องจากน้องสาวเคยทำงานอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี มีผู้มีอิทธิพลมาติดพันหลายคนเพราะน้องตนเป็นคนหน้าตาดี
ต่อมา เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทางแพทย์โรงพยาบาลระบุถึงผลการชันสูตรศพว่า สาเหตุของการเสียชีวิตในครั้งนี้เกิดจากปอดบวมน้ำอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดจากการจมน้ำ โดยพบเชื้อแบคทีเรียอยู่ในปอด ซึ่งขัดต่อทางพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ที่ระบุสาเหตุการตายเกิดจากกรณีกินยาลดความอ้วนแล้วเกิดอาการช็อกจนอาเจียนบนสะพานศรีสุราษฎร์ ก่อนจะถูกมิจฉาชีพปลดทรัพย์แล้วนำร่างไปทิ้งไว้ตรงจุดเกิดเหตุ
ล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (30 มี.ค.) พ.ต.ท.ศตวรรษ บุญมี สารวัตรกอง 5 กองปราบ พร้อมกำลัง 5 นายได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามคลี่คลายคดีตามคำร้องเรียนของญาติผู้ตาย พร้อมกับเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า จากการลงพื้นที่มาได้ 1 สัปดาห์ ได้สอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 10 ปาก คดีมีความคืบหน้า และเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก แต่ยังไม่สามารถฟันธงว่าจะเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ เนื่องจากยังขาดพยานหลักฐานที่สำคัญ เนื่องจากในบริเวณที่เกิดเหตุ และบริเวณใกล้เคียงไม่มีกล้องวงจรปิด ทางเจ้าหน้าที่จะต้องติดตามโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตที่หายไปเพราะเป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะติดตาม และคลี่คลายคดีดังกล่าว
แต่ก็ได้ตั้งประเด็นเอาไว้ว่า ในช่วงก่อนเกิดเหตุที่ผู้เสียชีวิตอยู่บนสะพานใช้โทรศัพท์พูดคุยกับญาติหลังจากพูดคุยเสร็จ และก่อนที่จะมีผู้มาพบร่างของผู้เสียชีวิตนอนอยู่บนถนนในซอย มีเวลาประมาณ 25 นาที และในช่วง 25 นาทีนี้เกิดอะไรขึ้นต่อผู้เสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา ซึ่งอาจเกิดการฆาตกรรมเพื่อหวังทรัพย์สินแล้วนำผู้เสียชีวิตไปวางไว้ในซอยดังกล่าวก็เป็นไปได้ หรือไม่ก็เกิดจากมีผู้มาพบผู้เสียชีวิตเกิดอาการผิดปกติบนสะพานแล้วนำทรัพย์สินไปแล้วนำร่างของผู้เสียชีวิตไปไว้จุดดังกล่าวก็เป็นไปได้ หรือผู้เสียชีวิตอาจขับรถเข้าไปทำกิจธุระส่วนตัวในซอยโดยล็อกคอรถไว้ก่อนแต่ร่างกายอาจเกิดอาการผิดปกติ แต่มีผู้เข้ามาพบแล้วเกิดความโลภนำทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตไปก็เป็นไปได้
แต่สิ่งสำคัญญาติได้เผาศพผู้เสียชีวิตไปแล้ว จึงทำให้ทางการสอบสวนการพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ขาดไปบางส่วน แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็พยายามหาพยานหลักฐานจากสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เพื่อคลี่คลายคดีดังกล่าวต่อไป