ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ตร.ท่องเที่ยวภูเก็ต รวบนักท่องเที่ยวชาวอเมริกา พร้อมแจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุด และยังพบมีคดีอาญาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในข้อหาขับรถชนคนตายโดยเจตนา และได้ประกันตัวในชั้นศาล และหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทย
เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองกำกับการตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบก.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผกก.5 บก.ทท. พ.ต.ท.นิคม เทียนห้าว รอง ผกก.5 บก.ทท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.เคลลี่ ลินน์ มิลเลอร์ หรือเบรีย์ หรือ Mis Kelly Lynn Miller สัญชาติอเมริกัน อายุ 36 ปี ในข้อหาไม่มีหนังสือเดินทาง โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณพูนทรัพย์บังกะโล ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558 พร้อมแจ้งกล่าวหาว่า เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุด
พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบก.ทท. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการประสานงานจากสำนักงานป้องกันทุจริต สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย แจ้งเบาะแสผู้ที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบหาข่าวจนทราบว่า น.ส.เปรียร์ สัญชาติอเมริกัน ไม่มีหนังสือเดินทางและการอนุญาตสิ้นสุด หลบอยู่ที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพูนทรัพย์บังกะโล ได้พบกับผู้หญิงชาวต่างชาติทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.เคลลี่ ลินน์ มิลเลอร์ หรือเปรียร์ หรือ MISS Kelly Lynn MILLER เดินอยู่บริเวณลานจอดรถของบังกะโลดังกล่าว จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบ แต่ น.ส.เคลลี่ ไม่มีหนังสือเดินทางแสดง และเอกสารอื่นใดมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มที่กองกำกับการตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต
จากการสอบถาม น.ส.เคลลี่ กล่าวว่า ตนเองได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเมื่อประมาณต้นเดือนมกราม 2552 เป็นต้นมา โดยเดินทางเข้ามาทางเครื่องบินถึงกรุงเทพฯ และเดินทางท่องเที่ยวไปยัง อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ โดยไม่มีการดำเนินขออยู่ต่อหรือดำเนินการขอวีซ่าประเภทใดๆ และหนังสือเดินทางก็ทิ้งไปแล้ว และยอมรับว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุดจริง ซึ่งการอนุญาตสิ้นสุดมาประมาณ 6 ปีมาแล้ว
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น ผู้ต้องหาดังกล่าวได้มีคดีอาญาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในข้อหาขับรถชนคนตายโดยเจตนา และได้ประกันตัวในชั้นศาล และหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเมื่อประมาณปี 2552 โดยระหว่างหลบหนีก็แอบไปเช่าบ้านที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.กระบี่ เนื่องจากกลัวว่าเมื่อถูกตำรวจตรวจสอบหนังสือเดินทางแล้วจะถูกจับกุม และส่งกลับไปรับโทษที่ประเทศอเมริกา
เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (11 มี.ค.) ที่ห้องประชุมชั้น 3 กองกำกับการตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบก.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชูสวัสดิ์ จันทร์โรจนกิจ ผกก.5 บก.ทท. พ.ต.ท.นิคม เทียนห้าว รอง ผกก.5 บก.ทท. และเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม น.ส.เคลลี่ ลินน์ มิลเลอร์ หรือเบรีย์ หรือ Mis Kelly Lynn Miller สัญชาติอเมริกัน อายุ 36 ปี ในข้อหาไม่มีหนังสือเดินทาง โดยสามารถจับกุมได้ที่บริเวณพูนทรัพย์บังกะโล ต.ศาลาด่าน อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558 พร้อมแจ้งกล่าวหาว่า เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุด
พ.ต.อ.ศุภเศรษฐ์ โชคชัย รอง ผบก.ทท. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับการประสานงานจากสำนักงานป้องกันทุจริต สถานทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย แจ้งเบาะแสผู้ที่อยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ออกสืบหาข่าวจนทราบว่า น.ส.เปรียร์ สัญชาติอเมริกัน ไม่มีหนังสือเดินทางและการอนุญาตสิ้นสุด หลบอยู่ที่ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงพูนทรัพย์บังกะโล ได้พบกับผู้หญิงชาวต่างชาติทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.เคลลี่ ลินน์ มิลเลอร์ หรือเปรียร์ หรือ MISS Kelly Lynn MILLER เดินอยู่บริเวณลานจอดรถของบังกะโลดังกล่าว จึงได้แสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจสอบ แต่ น.ส.เคลลี่ ไม่มีหนังสือเดินทางแสดง และเอกสารอื่นใดมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบได้ จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มที่กองกำกับการตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต
จากการสอบถาม น.ส.เคลลี่ กล่าวว่า ตนเองได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเมื่อประมาณต้นเดือนมกราม 2552 เป็นต้นมา โดยเดินทางเข้ามาทางเครื่องบินถึงกรุงเทพฯ และเดินทางท่องเที่ยวไปยัง อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี และ อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ โดยไม่มีการดำเนินขออยู่ต่อหรือดำเนินการขอวีซ่าประเภทใดๆ และหนังสือเดินทางก็ทิ้งไปแล้ว และยอมรับว่าอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือการอนุญาตสิ้นสุดจริง ซึ่งการอนุญาตสิ้นสุดมาประมาณ 6 ปีมาแล้ว
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวเพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นอกจากนั้น ผู้ต้องหาดังกล่าวได้มีคดีอาญาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในข้อหาขับรถชนคนตายโดยเจตนา และได้ประกันตัวในชั้นศาล และหลบหนีเข้ามาอยู่ในประเทศไทยเมื่อประมาณปี 2552 โดยระหว่างหลบหนีก็แอบไปเช่าบ้านที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.กระบี่ เนื่องจากกลัวว่าเมื่อถูกตำรวจตรวจสอบหนังสือเดินทางแล้วจะถูกจับกุม และส่งกลับไปรับโทษที่ประเทศอเมริกา
