ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา จับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวไทย และชาวเวียดนาม แก๊งปลอมตราประทับหนังสือเดินทางเข้าออกประเทศ พร้อมยึดของกลางเป็นตราประทับปลอมได้ 63 อัน พบหนึ่งในผู้ต้องหาเกี่ยวขบวนการค้ามนุษย์ และยาเสพติด
วันนี้ (11 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สุนทร อรุณนารา ผกก.ตม.จังหวัดสงขลา พ.ต.ท.พัชญ์กฤชโชค เกษมณี รอง ผกก.ตม.จังหวัดสงขลา พ.ต.ท.ประยุทธ สิมาธรรม สว.ตม.จังหวัดสงขลา ร่วมกันจับกุม นายสุทธิพงษ์ กาหนุง อายุ 47 ปี และ น.ส.โด ทิ เงีย อายุ 46 ปี สัญชาติเวียดนาม พร้อมตราประทับปลอมการเข้าออกประเทศทั้งของด่านตรวจคนเข้าเมืองไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ จำนวน 63 อัน และหนังสือเดินทางของ น.ส.โด ทิ เงีย ซึ่งใช้ตราประทับปลอมในการเดินทางเข้าออกด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย
จากการสอบสวนทราบว่า นายสุทธิพงษ์ จะเป็นผู้ประสานงานติดต่อกับนายหน้าชาวเวียดนามที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย หากมีคนต่างด้าวต้องการประทับตราตรวจอนุญาตเข้าออกประเทศของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ ก็จะให้เบอร์ติดต่อกับ นายสุทธิพงษ์ เป็นผู้ตีตราประทับปลอมลงในหนังสือเดินทางให้ และจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 1,500 บาทต่อคน
โดยการจับกุมในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง จ.สงขลา ได้พยายามสืบสวน และแกะรอยพฤติกรรมของ นายสุทธิพงษ์ กระทั่งได้เข้าตรวจค้นที่ห้องพัก 409 บ้านสาธิตาอาพาร์ตเมนต์ เขตเทศบาลตำบลสำนักขาม และพบตราประทับ และแผ่นยางที่ใช้ประทับตราทั้งหมด รวมทั้งขยายผลจับกุม น.ส.โด ที เงีย ที่ใช้หนังสือเดินทางประทับตราปลอมด้วย เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาทั้ง 2 คน ร่วมกันปลอมหนังสือเดินทาง และปลอมขึ้น และใช้ซึ่งดวงตรารอยตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ยังพบว่า นายสุทธิพงษ์ มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยซึ่งจากการตรวจหาสารเสพติดพบว่า ได้เสพติดยาไอซ์ด้วย จึงได้แจ้งข้อหาเสพยาเพิ่มอีก 1 กระทง
พ.ต.อ.สุนทร อรุณนารา ผกก.ตม.จ.สงขลา เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวน และปราบปรามจับกุมกลุ่มผู้มีอิทธิพล ซึ่งมีพฤติการณ์ให้การช่วยเหลือการกระทำผิดของคนต่างด้าวตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย เช่น การลักลอบนำพาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง การจัดหาหนังสือเดินทางปลอม หรือการปลอม และใช้ตราประทับปลอม เนื่องจากเชื่อมโยงต่อการค้ามนุษย์ ยาเสพติด อาชญากรข้ามชาติ และบุคคลที่เกี่ยวกับความมั่นคงหรือมีชื่ออยู่แบล็กลิสต์ ซึ่งมักจะหลบเลี่ยงการเข้าออกประเทศโดยผิดกฎหมาย
