สตูล - ชุดสืบสวนสตูล ควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาก่อเหตุร่วมกับพวกรุมแทงโจ๋วัย 17 ปีเสียชีวิต ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ขณะมาเที่ยวงานว่าวประเพณีสตูล ขณะที่ผู้ร่วมก่อแหตุอีกรายยังหลบหนีลอยนวล
วันนี้ (10 มี.ค.) พ.ต.อ.ชัยรัตน์ กาญจนเนตร ผกก. พร้อมด้วย พ.ต.ท.คมสัน แสงไกร รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.ประภาส เตี้ยวซี พงส.ผนพ. พ.ต.ท.อนุชัย สวยงาม สว.สส. และ ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.สตูล ควบคุมผู้ต้องหา 2 คน ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังก่อเหตุร่วมกับพวกรุมแทง ด้วยมีดปลายแหลม นายฐาปวีร์ รัตนา อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่150 ม.6 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล เสียชีวิตขณะมาเที่ยวงานว่าวประเพณีสตูล โดยเหตุเกิดที่กลางทุ่งภายในสนามบิน ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน คือ นายอนันต์ หมาดมานัง อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 198 ม.2 ต.ฉลุง อ.เมืองสตูล จ.สตูล และนายอับดุลรอฮีม อุมา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 ม.6 ต.สาคร อ.ท่าแพ จ.สตูล รับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกับพวกที่เป็นคนลงมือสังหาร คือ นายสุไลหมานชาห์ ปาทาน ที่ถูกซัดทอดว่า เป็นคนลงมือสังหาร และยังหลบหนีก่อเหตุในครั้งนี้จริง แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่า และร่วมกันทำร้ายร่างกาย
สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 9 มี.ค.2558 ร.ต.อ.ไพโรจน์ พิจิตรบรรจง ร้อยเวร สภ.เมืองสตูล รับแจ้งเหตุพบศพในป่าเสม็ดบริเวณสนามบิน กองทัพอากาศ ม.6 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีการจัดงานมหกรรมว่าวประเพณี และว่าวนานาชาติ จากนั้นจึงรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมนำกำลังรุดไปยังจุดเกิดเหตุ พบศพ นายฐาปวีร์ รัตนา อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 150 ม.6 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล แพทย์ รพ.สตูล ชันสูตรพบบาดแผลถูกแทงเข้ากลางอก และหลัง พร้อมพบเงินสดในกระเป๋า 4,065 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ปลอกมีด 1 ปลอก หมวกแก๊ป 1 ใบ
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายกับพวก 4 คน ไปเที่ยวงานมหกรรมว่าวประเพณี และว่าวนานาชาติ ที่สนามบินกองทัพอากาศ เมื่อวันที่ 7 มีนาคมที่ผ่านมา โดยพบคู่อริต่างถิ่นจนเกิดการทะเลาะวิวาท และหายตัวไปกระทั่งไปพบเป็นศพ พ.ต.อ.ชัยรัตน์ กาญจนเนตร ผกก.สภ.เมืองสตูล กล่าวว่า คดีนี้ทราบตัวผู้ลงมือฆ่าแล้วซึ่งอยู่ระหว่าการออกหมายจับ โดยเหตุการณ์ลงมือสังหารมาจากคู่อริระหว่างหมู่บ้านที่ไม่ถูกกันมาก่อนหน้านี้ เป็นเหตุให้ลงมือสังหาร ซึ่งวันนี้เป็นการนำตัวผู้ต้องหามาทำแผนประกอบการรับสารภาพ และอยู่ระหว่างเร่งติดตามตัวคนร้ายที่ร่วมกระทำผิดมาดำเนินคดีต่อไป
