เพชรบุรี - ผกก.ท่ายาง เมืองเพชรบุรี คาดคนร้ายใช้เส้นทางรองหลบหนีหลังยิง “ส.จ.สุวัฒน์” คนดังเมืองโอ่งดับ ซึ่งต้องใช้เวลาในการไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในหลายเส้นทาง ส่วนกล้องวงจรปิดที่ร้านที่ผู้ตายถูกยิงปรากฏว่า ไม่มีเครื่องบันทึก ทางร้านติดไว้เพื่อดูลูกค้าเข้าร้านอย่างเดียว ส่วนผู้ที่ถูกจับกุมได้หลังเกิดเหตุเบื้องต้นไม่พบว่าเกี่ยวข้องต่อคดียิง ได้ให้ประกันตัวออกไปแล้ว แต่ก็จะถูกดำเนินคดีนำพาซ่อนเร้นแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมายอย่างเดียว
วันนี้ (7 มี.ค.) พ.ต.อ.พีระพจน์ ระหว่างบ้าน ผกก.สภ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนายสุวัฒน์ ผลอุดม อายุ 33 ปี สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ราชบุรี ที่ถูกยิงเสียชีวิตขณะเดินมาที่รถยนต์ของตัวเองในบริเวณลานจอดรถหน้าร้านจำหน่ายสินค้าชื่อดังริมถนนเพชรเกษม ขาเข้ากรุงเทพฯ หมู่ 8 ต.ท่ายาง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงวันวันที่ 6 มี.ค.ที่่ผ่านมา
โดยกล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าผู้ที่ถูกจับได้ในระหว่างช่วงเกิดเหตุยิง นายสุวัฒน์ เสียชีวิต เกี่ยวข้องต่อการสังหารนายสุวัฒน์ นั้น ยืนยันว่าทางสื่อนำเสนอลื่นไหลไปเองว่าเป็นเหตุการณ์เดียวกัน เพราะในเบื้องต้น ตำรวจเพียงสงสัยเท่านั้น เนื่องจากสี และรถปิกอัพคล้ายกับสี และรถยนต์ที่ถูกระบุว่าเป็นของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุ แต่ไม่มีใครทราบถึงทะเบียนรถ และหมวดอักษร หลังนำมาสอบสวนพบว่า นายสหรัช ชะนิ่ม ที่เป็นคนขับได้สารภาพว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
แต่เนื่องจากได้นำชาวต่างด้าวติดรถมาด้วยคนหนึ่ง เมื่อขับมาเจอด่านตรวจ สภ.บ้านลาด จึงได้ขับรถวนกลับเพื่อหลบหนีจนมาถูกตำรวจสกัดจับที่บริเวณแยกหนองบ๊วย และหลังจากตำรวจนำตัวมาสอบสวน และตรวจสอบในรถยนต์ก็ไม่พบปืน หรือเขม่าดินปืนในรถยนต์ หรือที่ตัวนายสหรัช รวมทั้งแรงงานต่างด้าวที่เดินทางมาด้วย
“ตรวจสอบประวัติก็ไม่พบว่า มีประวัติต้องโทษใดๆ ที่สำคัญระหว่างที่แจ้งการติดตามรถยนต์ต้องสงสัยก็ไม่ได้มีการแจ้งเลขทะเบียน และหมวดอักษร เนื่องจากไม่มีพยานเห็น นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำพนักงานของร้านจำหน่ายสินค้ามาดูรถยนต์คันที่ถูกจับ ทางพนักงานยืนยันว่า ไม่ใช่รถคันที่ก่อเหตุ โดยระบุว่า รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าที่คนร้ายใช้ก่อเหตุบริเวณด้านหน้ารถยนต์มีกระจังหน้าเป็นแบบรุ่นใหม่ที่ยื่นออกมา ส่วนทะเบียน และหมวดอักษร ไม่มีใครเห็นแต่อย่างใด"
พ.ต.อ.พีระพจน์ ระหว่างบ้าน ผกก.สภ.ท่ายาง กล่าวต่อว่า ส่วนนายสหรัช ก็ถูกดำเนินคดีในข้อหานำพาซ่อนเร้นแรงงานต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ซึ่งทางตำรวจได้ให้ประกันตัวออกไปแล้ว ส่วนชาวพม่าที่เดินทางมาด้วยยังถูกคุมขังอยู่ที่ห้องขัง สภ.ท่ายาง เพื่อดำเนินการส่งกลับประเทศต่อไป ส่วนประเด็นที่บอกว่า คนขับรถยนต์ต้องสงสัยรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถพาผู้ก่อเหตุหลบหนี เป็นการคาดเดากัน และไหลกันไปเอง ไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด
ส่วนความคืบหน้าในการติดตามสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ทางทีมสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 จะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะมีการประสานกับตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ส่วนทาง สภ.ท่ายาง จะสนับสนุนข้อมูลต่างๆ ตามที่ทางทีมสืบสวนภาคขอมาหรือขอหลักฐานสำนวนต่างๆ เพิ่มเติม
คดีที่เกิดขึ้นคาดว่า ผู้ก่อเหตุน่าจะติดตามผู้ตายมาตลอดถ้าผู้ตายไม่แวะที่ร้านจำหน่ายสินค้าที่ อ.ท่ายาง หากไปแวะจุดไหนเมื่อได้โอกาสคนร้ายที่ติดตามมาก็จะลงมือสังหารเช่นกัน แต่บังเอิญผู้ตายมาแวะที่ร้านในเขต สภ.ท่ายาง ก่อน จึงมาถูกยิงเสียชีวิตที่นี่
ส่วนประเด็นสาเหตุของการถูกยิงต้องขึ้นอยู่กับทีมสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 และ สภ.บ้านโป่ง ซึ่งจะมีประวัติ และข้อมูลมากกว่า เนื่องจากผู้ตายเป็นคนในพื้นที่ และมีประวัติเคยถูกจับกุมมาก่อน ส่วนที่มาถูกยิงเสียชีวิตในเขต สภ.ท่ายาง ถือว่าเป็นทางผ่านเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร้านจำหน่ายสินค้า พบว่า ไม่มีเครื่องบันทึก ทางร้านติดไว้เพื่อดูลูกค้าเข้าร้านเท่านั้น อีกทั้งในวันที่เกิดเหตุบนถนนเพชรเกษม ทั้งขาขึ้นกรุงเทพฯ และขาล่องใต้ ก็มีรถยนต์จำนวนมากจึงต้องใช้เวลาสัก 2-3 วัน เพื่อตรวจสอบคัดกรองรถยนต์ต้องสงสัย จะต้องไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามสถานที่ต่างๆ เพื่อตรวจสอบรถยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ ที่สำคัญคาดว่าคนร้ายน่าจะใช้เส้นทางรองในการหลบหนีหลังก่อเหตุ
จากการสอบสวนภรรยาผู้ตายก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวสามีมากนัก ทราบแค่ว่า แฟนถูกจับกุมดำเนินคดีของ สภ.บ้านโป่ง และได้ประกันตัวออกมา และได้เดินทางมาสัมมนาที่พื้นที่ อ.ชะอำ หลังจากนี้ จะมีการประสานไปยัง สภ.บ้านโป่ง เพื่อรวบรวมข้อมูล และสาเหตุ ส่วนอาวุธปืนขณะนี้ยังไม่ทราบขนาด เนื่องจากพบแต่หัวกระสุน ต้องส่งตรวจพิสูจน์