นราธิวาส - พื้นที่สีแดงศรีสาคร จัดแข่งเรือล่องแก่ง วาดหวังกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยว ขณะที่ชาวมาเลย์ และอินโดฯ ร่วมคับคั่ง เผยความในใจเชื่อมั่นในความปลอดภัยเต็มที่
ที่บริเวณแม่น้ำสายบุรีบาตูลตูลา เขตเทศบาลศรีสาคร จ.นราธิวาส วันนี้ (7 มี.ค.) นายอนันต์ หะยีฮามะ นายกเทศมนตรีตำบลศรีสาคร พ.ท.พรรษา พุทธยล รองผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 49 และแขกผู้มีเกียรติจากประเทศมาเลเซีย ได้ร่วมกันเปิดกิจกรรมการแข่งขันพายเรือคายัค และเรือยาง ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวมาเลเซีย อินโดนีเซีย และคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งนักกีฬาแข่งขันเรือทั้ง 2 ประเภท จำนวน 100 ทีมเรือ มีระยะทางแข่งขัน 1,500 เมตร
โดยนักกีฬาต้องผ่านเส้นทางพายเรือน้ำเชี่ยวกราก คดเคี้ยว ตื่นเต้น และเร้าใจ มีโขดหินตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวล่องแก่งที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของพื้นที่ จ.นราธิวาส ในส่วนการรักษาความปลอดภัยตลอด 2 ฟากฝั่งแม่น้ำ ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่ 49 วางกำลังตลอดแนว เพื่อสร้างความมั่นใจในการรักษาความปลอดภัยให้แก่มิตรประเทศเพื่อบ้าน และประชาชนที่มาชมงานจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรมแข่งขันเรือคายัค และเรือยางในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ทั้งนี้ สืบเนื่องจากพื้นที่ จ.นราธิวาส มีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นบ่อยครั้ง จนสร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยว การลงทุน และเศรษฐกิจในพื้นที่ ทำให้คนต่างจังหวัด หรือแม้แต่คนในพื้นที่เองก็ไม่กล้าที่จะมาท่องเที่ยว ทั้งที่สถานที่ท่องเที่ยวล่องแก่ง อ.ศรีสาคร มีความสวย และงดงามที่สุดตามธรรมชาติแห่งหนึ่งของประเทศไทย
ทั้งนี้ ทางเทศบาลศรีสาคร จึงได้มีโครงการ และกิจกรรมแข่งขันกีฬาทางน้ำขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเชื่อมการแข่งขันกีฬาเป็นสื่อ เพื่อชื่นชมธรรมชาติ ซึ่งได้ผลตอบรับจากชาวมาเลเซีย และอินโดนีเซียเป็นอย่างดี
นายรอซี บินอับดุลเราะหมาน ประธานชมรมกีฬาเรือทางน้ำจากประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า ตนรับข่าวสารความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จากสื่อแทบทุกวัน ซึ่งเมื่อดูหรือติดตามข่าวรู้สึกน่ากลัว แต่เมื่อเข้ามาในพื้นที่ศรีสาคร ต้องตะลึงกับผู้คนที่มีอัธยาศัยที่ดี และพื้นที่มีความเป็นธรรมชาติที่สวยงามมาก เหมาะสมกับแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งการมาแข่งกีฬาทางเรือในพื้นที่ศรีสาคร ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ชาวมาเลเซีย และอินโดนีเซียต่างพอใจ และจะประชาสัมพันธ์ให้คนในประเทศมาเลเซียมาท่องเที่ยว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ในโอกาสต่อไปที่จะมีการแข่งขันกีฬาอีกหลายประเภทกีฬา และใกล้เข้าสู่ AEC หรือประชาคมอาเซียน การเชื่อมสัมพันธ์จะเปิดกว้างมากขึ้น ไม่เพียงแต่มาเลเซีย อินโดนีเซีย หรืออื่นๆ พร้อมที่จะเดินทางเพื่อสัมผัสที่พื้นที 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแน่นอน