xs
xsm
sm
md
lg

แก๊งสกิมเมอร์ระบาดหนัก ตร.ภูเก็ตรวบ 3 ผู้ต้องหาชาวรัสเซียลวงเปิดร้านขายของ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - แก๊งสกิมเมอร์ระบาดหนัก ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต รวบอีก 3 ผู้ต้องหาชาวรัสเซีย พร้อมของกลางบัตรเครดิตกว่า 30 ใบ เสียหายประมาณ 4 แสนบาท โชคดีธนาคารตรวจสอบพบรูดเงินผิดปกติประสานตำรวจตรวจสอบ จับได้ก่อนโอนเงินเข้าหัวหน้าแก๊งที่ยังหลบหนี เบื้อต้นทั้ง 3 ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ อ้างบัตรทั้งหมดเป้นของเจ้าของร้านที่ใช้รูดซื้อของที่ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามจับกุม

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (6 มี.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.พีรยุทธ์ การะเจดีย์ พ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน รอง ผกก.กก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติดจังหวัดภูเก็ต เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต ร่วมแถลงข่าวจับกุมแก๊งชาวต่างชาติชาวรัสเซีย ในข้อหาใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอมในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 3 คน

ที่ถูกเจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามยาเสพติดตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นำโดย พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน หัวหน้าชุดฯ จัดกุมได้ ประกอบด้วย Mr.Stanislav Komarob อายุ 34 ปี สัญชาติรัสเซีย Mr.Vitalii Korobkov อายุ 39 ปี สัญชาติรัสเซีย Mr.Panteley Akbash อายุ 36 ปี สัญชาติรัสเซีย พร้อมของกลางบัตรเครดิตปลอม จำนวน 33 ใบ เครื่องบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็กบัตร เครื่องรูดบัตรเครดิต จำนวน 2 เครื่อง โน้ตบุ๊ก และสลิปบันทึกรายการการรูดบัตรของธนาคารกสิกรไทยจำนวนมาก

พล.ต.ต.พชร บุญญสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวถึงการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งชาวรัสเซีย ว่า เนื่องจากเมื่อวานนี้ (5 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการประสานข้อมูลจากธนาคารกสิกรไทย ว่า มีการตรวจพบการการใช้บัตรเครดิตจากเครื่องรูดบัตรหมายเลย TID 2920159 และเครื่องหมายเลข TID 28272061 ซึ่งติดตั้งไว้ที่ร้าน MARINGA และร้าน THAI HERBAL ในพื้นที่ตำบลกะรน อ.เมือง จ.ภูเก็ต แบบผิดสังเกต ขอให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ เพราะเกรงว่าจะเป็นการกระทำของแก๊งมิจฉาชีพที่ใช้บัตรเครดิตปลอมที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

หลังได้รับข้อมูล พ.ต.ท.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน รองผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด นำกำลังเข้าตรวจสอบร้านเกิดเหตุ แต่พบว่าร้านดังกล่าวปิดให้บริการ แต่จากการตรวจสอบพบว่า มีการเปิดใช้เครื่องปรับอากาศ จึงได้จัดวางกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ ประมาณ 14.00 น.ของวันเดียวกัน พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เป็นชาย 2 คน ทราบชื่อภายหลังคือ Mr.staislav komarob และ Mr. Vitalii Korobkov ชาวรัสเซีย ได้เดินออกมาจากร้านเดินไปยังรถยนต์ที่มีชาวต่างชาติอีกคนเป็นคนขับ ทราบชื่อคือ Mr.Panteley Akbash ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบในกระเป๋าเป้สะพายมีของกลางเป็นบัตรเครดิตปลอมจึงควบคุมตัวไว้ และเข้าตรวจสอบภายในร้านทั้ง 2 แห่ง พบว่า ภายในร้านไม่มีการจำหน่ายสินค้าแต่ออย่างใด และเจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจยึดของกลางเพิ่มเติมอีกหลายรายการ เช่น เครื่องบันทึกข้อมูลลงแถบแม่เหล็กบัตร เครื่องรูดบัตรเครดิต จำนวน 2 เครื่อง โน๊ตบุ๊ก และสลิปบันทึกรายการ

หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน มาสอบสวนขยายผล ในเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 3 รายให้การปฏิเสธ โดยบอกว่า บัตรทั้งหมดเป็นของ Mr.Vladimir Orlov ชาวรัสเซียซึ่งเป็นเจ้าของร้านทั้ง 2 แห่ง ซึ่งขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบไม่พบตัว Mr.Vladimir Orlov แต่อย่างใด โดยจ้าง Mr.staislav komarob นำบัตรออกไปใช้ในวงเงินค่าจ้าง จำนวน 10,000 บาท ส่วน Mr.Vitalii Korobkov อ้างว่าไม่รู้เรื่อง เพียงแต่ Mr.staislav komarob ชวนมาเท่านั้น ขณะที่ Mr.Panteley Akbash อ้างว่าตัวเองได้ค่าจ้างในการขับรถมาเพียง 1,000 บาท ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับบัตรที่ตรวจยึดได้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การและแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง3 คน ร่วมกันหรือมีไว้เพื่อใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ปลอม และร่วมกันปลอมบัตรอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กะรน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.ประวิทย์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าร้านทั้ง 2 แห่ง มีเจ้าของเป็นคนเดียวกันคือ Mr.Vladimir Orlov ซึ่งขระนี้อยู่ระหว่างการหลบหนี และได้ประสานไปยังด่านตรวจค้นเข้าเมืองให้ตรวจสอบแล้วพบว่ าขณะนี้ยังอยู่ในพื้นที่ภูเก็ต ส่วนพฤติกรรมจากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 2 ร้านได้แจ้งขอใช้เครื่องรูดบัตรเครดิตจากธนาคารกสิกรไทย เมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งการรูดบัตรก็เป็นไปตามปกติ ไม่มีอะไรผิดสังเกต จนกระทั่งเมื่อวานมีการรูดใช้บัตรผ่านเครื่องรูดบัตรมากจนผิดปกติ จึงแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ และการตรวจสอบพบว่า มีการกระทำผิดจริงเจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม สำหรับแนวโน้มการกระทำความผิดของผู้ต้องหากรณีการใช้บัตรปลอมนั้นเชื่อว่ามีแนวโน้มมากขึ้น ซึ่งปีนี้มีการจับกุมไปแล้ว 3 ราย ซึ่งมีทั้ง ฝรั่งเศส รัสเซีย และจีน ซึ่งการกระทำความผิดลักษณะการกระทำความผิดคล้ายๆ กัน และเชื่อว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น