นราธิวาส - คืบหน้ากรณีไฟไหม้พื้นที่ป่าสวนยางพารา สวนปาล์ม และสวนผลไม้ของชาวบ้าน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นระยะเวลานาน 10 วันติดต่อกันนั้น หน่วยผจญเพลิงชี้ทำงานด้วยความลำบาก การเข้าพื้นที่ดับไฟต้องใช้ความระมัดระวัง ประกอบกับชั้นใต้ดินที่มีซากพืชซากสัตว์ทับถมกันจนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
วันนี้ (4 มี.ค.) นายวรเชษฐ์ พรมโอภาษ นายอำเภอสุไหงโก-ลก นางสุชาดา พันธุ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก พ.ต.อ.กองอรรถ สุวรรณขำ ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก พ.ท.พงศ์พัฒน์ ห้องสินหลาก ผบ.ฉก.นราธิวาส 36 และนายมาเณศ บุณยานันต์ หน.ศูนย์วิจัยและศึกษาธรรมชาติป่าพรุสิรินธร ได้ร่วมกันนำเจ้าหน้าที่ และเครื่องสูบน้ำเข้าสนับสนุนการดับไฟไหม้ป่า
โดยเร่งฉีดน้ำสกัดกั้นต้นเพลิงที่คุกรุ่นอยู่ในบริเวณชั้นใต้ดินรอบรัศมีที่เป็นวงกลมเพื่อเป็นการสกัดกั้น และป้องกันการลุกไหม้ในวงกว้าง ก่อนที่จะฉีดน้ำสกัดกั้นต้นเพลิงเข้าหาจุดศูนย์กลาง ซึ่งการทำงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก จากอุปสรรคของกลิ่นควันไฟที่เหม็นฟุ้ง รวมทั้งการรุกคืบเข้าพื้นที่ชั้นในต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากเกรงจะตกลงไปในกองไฟชั้นใต้ดินที่มองไม่เห็น
ซึ่งจากการประเมินด้วยสายตาล่าสุด พบว่า พื้นที่ป่าสวนยางพารา สวนปาล์ม และสวนผลไม้ของชาวบ้านเสียหายจากเพลิงไหม้ในครั้งนี้ไปแล้วประมาณ 80 ไร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่าต้องใช้เวลาดับไฟไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ จึงจะควบคุมได้ทั้งหมด
โดยนายวรเชษฐ์ พรมโอภาษ นายอำเภอสุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า การดับไฟในครั้งนี้เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากต้นเพลิงอยู่ชั้นใต้ดินที่มีซากพืชซากสัตว์ทับถมกันจนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี และหากเกินความสามารถก็จะรายงานไปทางจังหวัด เพื่อขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่ชำนาญการมาทำการดับไฟ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ และขอให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนให้พยายามใช้ผ้าปิดปากปิดจมูกเพื่อหลีกเลี่ยงกันสูดดมกลิ่นควันไฟ ที่ส่งผลต่อสุขภาพในครั้งนี้ด้วย