นราธิวาส - ศูนย์เยียวยา จ.นราธิวาส ตั้งโต๊ะรับลงทะเบียนประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์คาร์บอมบ์อย่างงต่อเนื่อง โดยขณะนี้ให้ความช่วยเหลือไปแล้ว 30 ราย รวมเป็นเงินเกือบ 2 ล้านบาท ด้านผู้ว่าฯ สั่งเพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัย ผู้ประสบเหตุเผยเสียขวัญหนัก ยันไม่ย้ายออกนอกพื้นที่
วันนี้ (22 ก.พ.) ศูนย์เยียวยาจังหวัดนราธิวาส ยังคงตั้งโต๊ะรับลงทะเบียนจากประชาชนเพื่อขอรับการช่วยเหลือเยียวยาจากหน่วยงานภาครัฐ จากกรณีเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้นหน้าร้านค้าคาราโอเกะ ถนน ณ นคร เขตเทศบาลเมืองนราธิวาส เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองนราธิวาส มาอำนวยความสะดวกในการรับแจ้งความด้วย
ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาเป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยตลอดการทำงาน นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้เข้ามาควบคุมการปฏิบัติงานด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม จากการลงทะเบียนของผู้ได้รับผลกระทบนั้นมีทั้งหมด 58 ราย เอกสารไม่เรียบร้อย และต้องมายื่นเพิ่มเติมอีก 6 ราย และทางจังหวัดนราธิวาสเองได้ให้ความช่วยเหลือแล้ว 30 ราย เป็นเงินกว่า 1 ล้าน 7 แสนบาท ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือในขั้นต้น 70% จากราคาที่ประเมินได้
ขณะที่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ส่วนหนึ่งได้เร่งดำเนินการซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน ร้านค้าของตนเองเท่าที่สามารถดำเนินการได้ เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย ด้าน นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงการช่วยเหลือเยียวยาว่า ทางจังหวัดจะเร่งดำเนินการช่วยเหลือให้รวดเร็วที่สุด และจะช่วยเหลือครอบคลุมในทุกด้านเพื่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถที่จะไปทำงานของตนเองได้ต่อไป
ส่วนการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการปรับแผนในการดูแลความปลอดภัยซึ่งจะเน้นการปฏิบัติงานตลอดทั้งวัน ไม่เพียงแต่ตอนกลางคืนเท่านั้น ด้าน นายยุทธนา บุญจึ่งมงคล ผู้ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้สร้างความเสียขวัญแก่ตนเองมาก ซึ่งหลังจากนี้ตนเองก็จะต้องหามาตรการในการดูแลความปลอดภัยเพิ่มขึ้น ซึ่งอยากให้เจ้าหน้าที่ปรับแผนในการดูแลความปลอดภัยให้รัดกุมขึ้นด้วย
นายทิน กุลวิจิต ผู้ได้รับผลกระทบ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนเอง และครอบครัวต้องระมัดระวังมากขึ้น ซึ่งหากไม่จำเป็นก็จะไม่ออกจากบ้าน แต่อย่างไรก็จะยังคงอยู่ในพื้นที่ต่อไปเพราะถือเป็นพื้นที่บ้านเกิด นางดาวรุ่ง บัววรรณ ผู้ได้รับผลกระทบอีกราย กล่าวว่า ร้านของตนเองถือว่าได้รับความเสียหายมากเพราะเป็นร้านคาราโอเกะที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกคนตกใจมาก หลังจากนี้ก็จะต้องเร่งเปิดกิจการเพื่อหารายได้ ส่วนการย้ายออกไปพื้นที่อื่นนั้นไม่ได้คิด แต่คิดว่าจะยังคงอยู่ในพื้นที่ต่อไป
