สตูล - ผู้ว่าฯ จ.สตูล สั่งกำชับหัวหน้าส่วนราชการเฝ้าระวังเหตุเพลิงไฟไหม้ป่า พร้อมสั่งห้ามชาวบ้านเข้าไปหาของป่าในช่วงนี้ เนื่องจากเกรงว่าจะไปทิ้งก้นบุหรี่ทำให้ไฟไหม้ป่าได้ กำชับเข้มหากพบให้จับ และปรับได้ทันที
วันนี้ (19 ก.พ.) นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ประกาศและสั่งกำชับหัวหน้าส่วนราชการทุกพื้นที่ในจังหวัดเฝ้าระวังเหตุเพลิงไฟไหม้ป่าโดยกลุ่มคนหาของป่าตามภูเขา และพื้นที่กองทัพอากาศ หรือพื้นที่สนามบินของทหารที่ชาวบ้านชอบไปหาปลา และหาของป่าพร้อมกับจุดไฟ และจุดบุหรี่ และทิ้งก้นบุหรี่ไว้จนเป็นหนึ่งในสาเหตุเกิดไฟไหม้ได้ และให้อำเภอออกกฎหมายห้ามเข้าไปหาของป่าในช่วงนี้ หากพบให้จับ และปรับทันที
ทั้งนี้ ภาพรวมของจังหวัดสตูลส่วนใหญ่สภาพเป็นป่าแห้ง และเป็นสวนยางพารา พร้อมกับเป็นช่วงยางผลัดใบร่วงหล่นลงมาเหมาะเป็นเชื้อเพลิงไฟอย่างมาก ดังนั้น ทางจังหวัดจึงต้องออกมาตรการห้ามหาของป่าในช่วงนี้เพราะเสี่ยงไฟไหม้ได้ จึงวอนประชาชนหากออกไปหาของป่าก็ไม่ควรจุดไฟ เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาจะเกิดปัญหาใหญ่
สำหรับในวันนี้จะมีการบินอีกรอบโดยบินวนดูบนภูเขาสูง ในเขตอำเภอเมือง อำเภอควนโดน อำเภอควนกาหลง พบว่า สภาพป่าแห้งแล้ง และทางจังหวัดจะจัดซ้อมแผนดับไฟป่าอีกครั้ง และในช่วงเดือนนี้มีเหตุไฟไหม้ป่า 3 ครั้ง
นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวอีกว่า ลักษณะของพื้นที่ที่กำหนดเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าได้ ได้แก่ สถานที่ที่ใช้ในราชการ ที่สาธารณประโยชน์ หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน และควรเป็นพื้นที่ที่มีสัตว์ป่ามาอยู่อาศัยชุกชุม หรือมีสัตว์ป่าที่หายาก หรือสัตว์ป่าที่อยู่ในภาวะที่ถูกคุกคาม ซึ่งควรมีมาตรการคุ้มครองอย่างใกล้ชิด การกำหนดพื้นที่ใดเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดำเนินการโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ซึ่งบัญญัติไว้ ดังนี้
บริเวณสถานที่ที่ใช้ในราชการ หรือใช้เพื่อสาธารณประโยชน์ หรือประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันแห่งใด รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการจะกำหนดให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าชนิด หรือประเภทใดก็ได้ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อได้มีการประกาศของรัฐมนตรีกำหนดเขตห้ามล่าสัตว์ป่าชนิด หรือประเภทใดแล้ว ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการต่อไปนี้
