ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวบ้านเกาะแก้ว จ.ภูเก็ต รวมตัวยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ ภูเก็ต ขอให้ทบทวนการแก้ปัญหาจราจรบริเวณแยกเกาะแก้วหลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเปิดให้เลนซ้ายรถวิ่งผ่านตลอด ด้านผู้ว่าฯ รับข้อเสนอพร้อมนำเข้าหารือผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (13 ก.พ.) นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว อดีตผู้สมัครนายก อบต.เกาะแก้ว พร้อมด้วย นายวัฒนา ถิ่นเกาะแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต และตัวแทนชาวบ้านเกาะแก้วกว่า 30 คน เดินทางมาพบ นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อยื่นหนังสือให้ทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทบทวนการแก้ไขปัญหาการจราจรบริเวณแยกเกาะแก้ว หลังจากที่ทางจังหวัดภูเก็ต ได้มีการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ปัญหาสภาพการจราจรถนนเทพกระษัตรี ช่วงแยกไฟแดงเกาะแก้ว โดยมี นายสมเกียรติ สังข์สุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พ.ต.อ.ธีรพล ทิพย์เจริญ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต นายประพันธ์ ขันพระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต เข้าร่วม
นายเจริญ ถิ่นเกาะแก้ว อดีตผู้สมัครนายก อบต.เกาะแก้ว กล่าวว่า ในเบื้องต้นจะมีการดำเนินการโดยให้ช่องเดินรถซ้ายสุด ทั้งขาเข้าและขาออกให้รถสามารถวิ่งผ่านตลอด และรถที่จะเข้าซอยช่วงแยกเกาะแก้ว ต้องไปกลับรถที่วัดท่าเรือ ทางคณะกรรมการหมู่บ้าน และกรรมการมัสยิด ได้หารือร่วมกันโดยเห็นว่า จากแนวคิดดังกล่าวข้างต้น นอกจากไม่สามารถแก้ปัญหาความคับคั่งการจราจรได้แล้ว ยังถือเป็นการทำลายวิถีชุมชนซึ่งไม่เป็นการตอบโจทย์ต่อการแก้ปัญหา อีกทั้งเป็นเพียงการย้ายความคับคั่งไปอยู่ตรงแยกหน้าวัดท่าเรือเท่านั้น จึงรวมตัวกันยื่นหนังสือดังกล่าว
นายเจริญ กล่าวต่อไปอีกว่า การที่จะให้ใช้ช่องซ้ายสุดทั้งฝั่งขาเข้าและขาออกให้รถวิ่งผ่านได้ตลอด ผ่านชุมชนใหญ่ที่มีถนนซอยเชื่อมกับถนนเทพกระษัตรี ในช่องทางขาเข้า และฝั่งขาออก ย่อมส่งผลกระทบต่อวิถีชุมชนอย่างแน่นอน โดยข้อเท็จจริงในปัจจุบันฝั่งขาเข้าเมืองบริเวณซอยเกาะแก้ว 24 เป็นที่ตั้งของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเกาะแก้ว ผู้ปกครองรับส่งบุตรหลาน ถัดมาซอยเกาะแก้ว 22 เป็นชุมชนที่มีหมู่บ้านหนาแน่น ผู้คนที่อยู่ใน 2 ซอยดังกล่าวไม่สามารถขับรถออกมาถนนเทพกระษัตรี ได้ในช่วงเช้า และช่วงเย็นเพราะต้องขับรถอ้อมวนทางด้านในเพื่อมาออกไปซอยเกาะแก้ว 16 หรือซอยมัสยิด ซึ่งมีสัญญาณไฟจราจรควบคุมอยู่เพื่อความปลอดภัย
โดยบางครั้งขณะที่สัญญาณไฟทางตรงเป็นสัญญาณแดงแล้วยังมีรถไหลต่อเนื่อง ทำให้รถในซอยออกไม่ได้ และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ส่วนซอยเกาะแก้ว 12 และทางออกที่โรงเรียนมุสลิมวิทยา รถที่มารับส่งบุตรหลาน ซอยโบ๊ทลากูน และซอยรอยัลมารีน่า รอจังหวะรถทางตรงติดสัญญาณไฟแดงมีความเสี่ยงน้อยกว่า แต่หากให้ช่องซ้ายวิ่งผ่านตลอดจะทำให้ปัญหาเกิดขึ้นอีกมาก ส่วนฝั่งขาออกตั้งแต่แยกบางคู มีซอยโรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนบางคู ซอยหมู่บ้านเจ้าฟ้าการ์เด้นท์โฮม และซอยห่านฝรั่ง ซอยใกล้โชว์รูมอีซูซุ มีผลทำให้รถติดและเกิดอุบัติเหตุบ่อยเช่นกัน
สำหรับกรณีรถที่จะเลี้ยวเข้าซอยมัสยิด ซึ่งมีสัญญาณไฟจราจรหากต้องไปกลับรถที่หน้าวัดท่าเรือ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อผู้คนในซอยแล้ว ยังส่งผลต่อผู้ที่อาศัยอยู่ฝั่งขาออกที่จะมาละหมาดที่มัสยิด และโดยเฉพาะในวันศุกร์อีกด้วย ซึ่งการแก้ปัญหาการขายของบนทางเท้ากับการแก้ปัญหาความคับคั่งของการจราจรบนถนนน่าจะเป็นคนละประเด็นกัน ควรแยกดำเนินการให้ชัดเจน
“จากปัญหาทั้งหมดนี้ ทางตัวแทนชุมชนเกาะแก้ว ได้มีการประชุมหารือร่วมกันและขอมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งจะไม่ทำให้ชุมชนต้องได้รับ หรือกระทบน้อยที่สุด ทางชาวบ้านเกาะแก้ว จึงยื่นข้อเสนอดังนี้ คือ ขอให้ทางจังหวัดทบทวนแนวคิดที่จะให้มีการเดินรถผ่านตลอดในช่องทางซ้ายสุดทั้ง 2 ฝั่งขาเข้าและขาออก เนื่องจากปริมาณการเดินรถในช่วง 07.00-09.00 น. เป็นช่วงเร่งด่วนที่ผู้คนจะต้องไปทำงาน รวมถึงรถรับส่งนักเรียนที่จะต้องเร่งรีบ อีกทั้งปริมาณรถบรรทุกสิบล้อ รถพ่วงขนาดใหญ่ รถบรรทุกแก๊ส รถบรรทุกน้ำมัน ขอให้พิจารณาเพื่อออกประกาศเจ้าพนักงานจราจรทางบก จ.ภูเก็ต ห้ามรถบรรทุก 10 ล้อ รถพ่วงบรรทุก รถโม่ปูน รถบรรทุกแก๊ส และรถน้ำมัน วิ่งผ่านเส้นทางตั้งแต่ด่านท่าฉัตรไชย จนถึงในเมืองในช่วงเร่งด่วน ตั้งแต่ 06.00-09.00 น.
จัดให้มีช่วงเวลาห้ามจอดในช่วง 07.00-09.00 น. และ 16.00-19.00 น. ขอให้แขวงการทางจังหวัดภูเก็ต ย้ายสัญญาณไฟจราจรที่จะนำไปติดตั้งบริเวณควนดินแดงไปติดตั้งหน้าโบ๊ทลากูนแทน ทั้งนี้ เพราะปริมาณรถที่มากลับรถบริเวณแยกเกาะแก้ว 60% มาจากโรงเรียนนานาชาติ รถบริษัททัวร์เพื่อทำการส่งแขกลงเรือ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องในโบ๊ทลากูน และรอยัลมารีนา ขอให้ทางจังหวัดจัดหางบประมาณทำสะพานข้ามทางแยกบริเวณเกาะแก้ว ซึ่งน่าจะตอบโจทย์กว่าการขุดอุโมงค์ที่สามแยกบางคู” นายเจริญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ภายหลังรับหนังสือทาง นายนิสิต จันทร์สมวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ทางชุมชนนำข้อเสนอต่างๆ มาให้ทางจังหวัด เพื่อการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด และให้เกิดผลกระทบต่อชาวบ้านน้อยที่สุด โดยหลังจากนี้ตนจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการผู้เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาข้อเสนอต่างๆ ว่าสามารถทำได้อย่างไรบ้าง โดยให้ตัวแทนชุมชนร่วมเสนอแนะ และแสดงความคิดเห็นต่อไป