สุราษฎร์ธานี - ม็อบชาวบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยอมเปิดอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น หลังพอใจผลเจรจาเจ้าหน้าที่ผ่อนผันการตัดโค่นออกไปอีก 7 วัน เพื่อให้เจ้าของแสดงตัวเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์สิทธิ
จากรณีวันนี้ (12 ก.พ.) ชาวบ้านในพื้นที่บ้านเขาน้อย และบ้านสระบัว หมู่ที่ 7 ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 300 คน ได้รวมตัวปิดถนนทางขึ้นอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร และกำลังฝ่ายปกครองเข้าไปพื้นที่เพื่อรื้อถอนผลอาสินในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ล่าสุด พ.อ.สมบัติ ประสานเกษม รอง ผอ.รมน. จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายฐากูร ล้อมศตพร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 4 ได้เข้าเจรจากับผู้นำชุมชน และตัวแทนชาวบ้าน โดยการเจรจาใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุป
โดยทางเจ้าหน้าที่จะผ่อนผัน ให้นายประจักร พัฒสังวาล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.ลำพูน ไปสืบหาตัวผู้ตัวผู้กระทำความผิด และให้โอกาสเจ้าของพื้นที่ที่ถูกตรวจยึดมาแสดงตน เพื่อเข้าสู่กระบวนการต่อสู้พิสูจน์สิทธิการเข้าทำกินในพื้นที่ก่อนการประกาศเขตอุทยานปี 2534 โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ให้เวลา 7 วัน หากพ้นกำหนดไม่ใครมาแสดงตนทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการตามมาตรา 22 รื้อถอนผลอาสินต่อไป ซึ่งการเจรจาชาวบ้านพอใจ และสลายตัวกลับไปในเวลา 14.00 น. โดยไม่มีเหตุรุนแรง
เจ้าหน้าที่อุทยานได้ระบุว่า วันนี้เป็นการรื้อถอนพืชผลอาสินตามมาตรา 22 ที่คดีสิ้นสุด จำนวน 6 แปลง 67 ไร่ ส่วนใหญ่ปลูกต้นยางพารา ทุเรียน มังคุด และยังมีพื้นที่ที่ถูกตรวจยึด และเป็นคดีที่สิ้นสุดแล้ว จำนวน 130 แปลง พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ ที่จะเตรียมรื้อถอนอีกระลอก จึงประกาศให้ผู้ที่ครอบครองพื้นที่เหล่านั้นแสดงตนเข้าพิสูจน์สิทธิก่อนที่จะถูกทำการรื้อถอนพืชผลอาสินออกจากพื้นที่
จากรณีวันนี้ (12 ก.พ.) ชาวบ้านในพื้นที่บ้านเขาน้อย และบ้านสระบัว หมู่ที่ 7 ต.ลำพูน อ.บ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี กว่า 300 คน ได้รวมตัวปิดถนนทางขึ้นอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น เพื่อขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร และกำลังฝ่ายปกครองเข้าไปพื้นที่เพื่อรื้อถอนผลอาสินในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น ล่าสุด พ.อ.สมบัติ ประสานเกษม รอง ผอ.รมน. จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย นายฐากูร ล้อมศตพร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่ อนุรักษ์ที่ 4 ได้เข้าเจรจากับผู้นำชุมชน และตัวแทนชาวบ้าน โดยการเจรจาใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุป
โดยทางเจ้าหน้าที่จะผ่อนผัน ให้นายประจักร พัฒสังวาล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 ต.ลำพูน ไปสืบหาตัวผู้ตัวผู้กระทำความผิด และให้โอกาสเจ้าของพื้นที่ที่ถูกตรวจยึดมาแสดงตน เพื่อเข้าสู่กระบวนการต่อสู้พิสูจน์สิทธิการเข้าทำกินในพื้นที่ก่อนการประกาศเขตอุทยานปี 2534 โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ให้เวลา 7 วัน หากพ้นกำหนดไม่ใครมาแสดงตนทางเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการตามมาตรา 22 รื้อถอนผลอาสินต่อไป ซึ่งการเจรจาชาวบ้านพอใจ และสลายตัวกลับไปในเวลา 14.00 น. โดยไม่มีเหตุรุนแรง
เจ้าหน้าที่อุทยานได้ระบุว่า วันนี้เป็นการรื้อถอนพืชผลอาสินตามมาตรา 22 ที่คดีสิ้นสุด จำนวน 6 แปลง 67 ไร่ ส่วนใหญ่ปลูกต้นยางพารา ทุเรียน มังคุด และยังมีพื้นที่ที่ถูกตรวจยึด และเป็นคดีที่สิ้นสุดแล้ว จำนวน 130 แปลง พื้นที่ประมาณ 500 ไร่ ที่จะเตรียมรื้อถอนอีกระลอก จึงประกาศให้ผู้ที่ครอบครองพื้นที่เหล่านั้นแสดงตนเข้าพิสูจน์สิทธิก่อนที่จะถูกทำการรื้อถอนพืชผลอาสินออกจากพื้นที่