สุราษฎร์ธานี - ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี เต้นสั่งคุมเข้ม จี้สอบเอาผิดผู้ประกอบการท่องเที่ยวทัวร์ซาฟารี หลังพนักงานขับซิ่งแหกโค้งพลิกคว่ำบริเวณยอดเขาป้อม บนเกาะสมุย ทำนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บสาหัสกว่า 10 ราย ล่าสุด นักท่องเที่ยวพ้นขีดอันตรายแล้ว
จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (7 ก.พ.) ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว แบบยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ดัดแปลงเป็นรถนำเที่ยวซาฟารี ของบริษัท ฟันนี่ เดย์ ซาฟารี จำกัด หมายเลขทะเบียน ผค 2904 สุราษฎร์ธานี ได้เสียหลักแหกโค้งบนถนนสายเขาป้อมทางขึ้นน้ำตกตานิ่ม หมู่ที่ 5 ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเกาะสมุย ทำไห้ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บ จำนวน 12 ราย ส่วนนายวนิช ศรีดอน อายุ 29 ปี คนขับรถได้ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหลบหนีไป นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ส่วนหน้าของรถอีกหนึ่งคน
เจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลเกาะสมุย ได้ความช่วยเหลือนำผู้ได้รับผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บแขนหัก ขาหัก กระดูกเชิงกรานหัก หัวแตก อาการสาหัส แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต สำหรับรายชื่อนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย 1.น.ส. Nan yin wai win ไกด์ชาวพม่า อายุ 23 ปี 2.น.ส. Esther manovani ไม่ทราบสัญชาติ 3.ด.ญ.Aha Mclisa Mocah อายุ 11 ปี สัญชาติโรมาเนีย 4.นาย Damut Ravel Mocah อายุ 53 ปี สัญชาติโรมาเนีย 5.นาย Manovni อายุ 64 ปี ไม่ทราบสัญชาติ 6.นาย Toth Zoltan อายุ 46 ปี สัญชาติฮังการี 7.นาย Helga Balazs อายุ 38 ปี สัญชาติฮังการี 8.น.ส. Kostenko Elena อายุ 32 ปี ไม่ทราบสัญชาติ กระดูกเชิงกรานหัก และขาหักทั้งสองข้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส 9.นาย kotov vafily อายุ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาต 10.นาย Grodan Crnkovic อายุ 35 ปี ไม่ทราบสัญชาติ 11.น.ส. Creach Jacqueline อายุ 61 ปี ไม่ทราบสัญชาติ 12.น.ส. Ulla Vibeke Collins อายุ 70 ปี ไม่ทราบสัญชาติ
ล่าสุด ในเช้าวันนี้ (8 ก.พ.) นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งเพิ่มมาตรการควบคุมดูแลผู้ประกอบการนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด และให้สอบสวนเอาผิดขั้นเด็ดขาดต่อผู้ฝ่าฝืน และกระทำความผิดขั้นสูงสุด ประกอบกับได้รับการร้องเรียนว่ารถที่ดัดแปลงเป็นรถนำเที่ยวส่วนใหญ่แล้วมีการขับด้วยความเร็วบนยอดเขาสูง และมีเหวลึกตลอดเส้นทาง หากเกิดเหตุแล้วมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจะกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก
จากกรณีเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (7 ก.พ.) ได้เกิดอุบัติเหตุรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว แบบยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ดัดแปลงเป็นรถนำเที่ยวซาฟารี ของบริษัท ฟันนี่ เดย์ ซาฟารี จำกัด หมายเลขทะเบียน ผค 2904 สุราษฎร์ธานี ได้เสียหลักแหกโค้งบนถนนสายเขาป้อมทางขึ้นน้ำตกตานิ่ม หมู่ที่ 5 ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเกาะสมุย ทำไห้ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้รับบาดเจ็บ จำนวน 12 ราย ส่วนนายวนิช ศรีดอน อายุ 29 ปี คนขับรถได้ฉวยโอกาสช่วงชุลมุนหลบหนีไป นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บติดอยู่ส่วนหน้าของรถอีกหนึ่งคน
เจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าแพทย์ฉุกเฉินโรงพยาบาลเกาะสมุย ได้ความช่วยเหลือนำผู้ได้รับผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บแขนหัก ขาหัก กระดูกเชิงกรานหัก หัวแตก อาการสาหัส แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต สำหรับรายชื่อนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บ ประกอบด้วย 1.น.ส. Nan yin wai win ไกด์ชาวพม่า อายุ 23 ปี 2.น.ส. Esther manovani ไม่ทราบสัญชาติ 3.ด.ญ.Aha Mclisa Mocah อายุ 11 ปี สัญชาติโรมาเนีย 4.นาย Damut Ravel Mocah อายุ 53 ปี สัญชาติโรมาเนีย 5.นาย Manovni อายุ 64 ปี ไม่ทราบสัญชาติ 6.นาย Toth Zoltan อายุ 46 ปี สัญชาติฮังการี 7.นาย Helga Balazs อายุ 38 ปี สัญชาติฮังการี 8.น.ส. Kostenko Elena อายุ 32 ปี ไม่ทราบสัญชาติ กระดูกเชิงกรานหัก และขาหักทั้งสองข้าง ได้รับบาดเจ็บสาหัส 9.นาย kotov vafily อายุ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาต 10.นาย Grodan Crnkovic อายุ 35 ปี ไม่ทราบสัญชาติ 11.น.ส. Creach Jacqueline อายุ 61 ปี ไม่ทราบสัญชาติ 12.น.ส. Ulla Vibeke Collins อายุ 70 ปี ไม่ทราบสัญชาติ
ล่าสุด ในเช้าวันนี้ (8 ก.พ.) นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างเต็มที่ พร้อมสั่งเพิ่มมาตรการควบคุมดูแลผู้ประกอบการนักท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด และให้สอบสวนเอาผิดขั้นเด็ดขาดต่อผู้ฝ่าฝืน และกระทำความผิดขั้นสูงสุด ประกอบกับได้รับการร้องเรียนว่ารถที่ดัดแปลงเป็นรถนำเที่ยวส่วนใหญ่แล้วมีการขับด้วยความเร็วบนยอดเขาสูง และมีเหวลึกตลอดเส้นทาง หากเกิดเหตุแล้วมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจะกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก