ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยหลังผู้ประกอบการผับชื่อดังในป่าตองร้องตำรวจภูเก็ต เข้าตรวจสอบสถานบันเทิงไม่เหมาะสม มอบหมายให้ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมประกาศชัดการดำเนินการต้องทำตามกฎหมาย ไม่ต้องไว้หน้าใคร
จากกรณีผู้บริหาร “ไทเกอร์กรุ๊ป” ซึ่งเป็นสถานบันเทิงชื่อดังหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ ผบ.ตร. เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ถูก ตร.ชุดปฏิบัติการพิเศษ จ.ภูเก็ต บุกค้นร้านถี่ยิบ สร้างความตระหนกแก่นักเที่ยว และมีการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ทำให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าเข้ามาเที่ยว
พร้อมกับยืนยันว่า ทางร้านไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย พร้อมให้ความร่วมมือต่อตำรวจด้วยดี ล่าสุด วันนี้ (7 ก.พ.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวในโอกาสเดินทางลงมาพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อมอบนโยบายการทำงานให้ข้าราชการในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ว่า เรื่องของการร้องเรียนดังกล่าวได้สอบถาม และมอบหมายให้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทางตำรวจนั้น อยากจะแจ้งว่าในส่วนของผู้ประกอบการเองนั้นในการจะทำอะไรให้คิดถึงการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นต้องมีกรอบข้อปฏิบัติ รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ บางครั้งผู้ประกอบการอาจจะทำอะไร และจะเอาแต่ความถูกใจเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ กฎหมายมีอยู่ และได้กำชับไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่แล้วว่า ในการดำเนินการนั้นขอให้ปฏิบัติกับผู้ประกอบการโดยยึดหลักกฎหมาย ซึ่งกฎหมายให้อำนาจหน้าที่แค่ไหนก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่ต้องเกรงใจใคร ย้ำการดำเนินการทุกอย่างให้ยึดหลักกฎหมายเพียงอย่างเดียว
เช่นเดียวกัน ในส่วนของผู้ประกอบการอะไรที่ผู้ประกอบการเรียกร้อง หรืออยากได้เพื่อประโยชน์ หรือก่อให้เกิดข้อได้เปรียบในการทำธุรกิจของตัวเองอย่าทำ ส่วนกรณีการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด นปพ.ในครั้งนี้ว่าการเข้าไปตรวจในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและทำเกินกว่าเหตุนั้น เรื่องนี้คิดว่าเป็นการพูดกันคนละที ถ้าฟังจากทางตำรวจก็บอกว่าไม่ได้ทำ ซึ่งก็ทำไปตามปกติของการเข้าไปตรวจค้น
อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจถ้าผู้ประกกกอบการคิดว่าการเข้าไปของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ถูกต้องก็ให้มาบอกต่อทางผู้บังคับบัญชา เหมือนกับที่ไปร้องเรียนกับตนเพื่อให้มีการลงไปตรวจสอบ ว่า การดำเนินการนั้นเป็นการกระทำที่มากไปหรือเปล่า หรือน้อยไปหรือเปล่า เพื่อที่จะได้มีการตรวจสอบซึ่งกันและกัน ซึ่งเรื่องนี้อย่างที่แจ้งให้ทราบว่าได้ประสานให้ทางผู้บัญชาการการตำรวจภูธรภาค 8 ให้ตรวจสอบแล้ว
จากกรณีผู้บริหาร “ไทเกอร์กรุ๊ป” ซึ่งเป็นสถานบันเทิงชื่อดังหาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมต่อ ผบ.ตร. เมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ถูก ตร.ชุดปฏิบัติการพิเศษ จ.ภูเก็ต บุกค้นร้านถี่ยิบ สร้างความตระหนกแก่นักเที่ยว และมีการกระทำที่เกินกว่าเหตุ ทำให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติเกิดความหวาดกลัว ไม่กล้าเข้ามาเที่ยว
พร้อมกับยืนยันว่า ทางร้านไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย พร้อมให้ความร่วมมือต่อตำรวจด้วยดี ล่าสุด วันนี้ (7 ก.พ.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวในโอกาสเดินทางลงมาพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อมอบนโยบายการทำงานให้ข้าราชการในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ว่า เรื่องของการร้องเรียนดังกล่าวได้สอบถาม และมอบหมายให้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ
แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของทางตำรวจนั้น อยากจะแจ้งว่าในส่วนของผู้ประกอบการเองนั้นในการจะทำอะไรให้คิดถึงการทำงานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เพราะการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นต้องมีกรอบข้อปฏิบัติ รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ บางครั้งผู้ประกอบการอาจจะทำอะไร และจะเอาแต่ความถูกใจเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ กฎหมายมีอยู่ และได้กำชับไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่แล้วว่า ในการดำเนินการนั้นขอให้ปฏิบัติกับผู้ประกอบการโดยยึดหลักกฎหมาย ซึ่งกฎหมายให้อำนาจหน้าที่แค่ไหนก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่ต้องเกรงใจใคร ย้ำการดำเนินการทุกอย่างให้ยึดหลักกฎหมายเพียงอย่างเดียว
เช่นเดียวกัน ในส่วนของผู้ประกอบการอะไรที่ผู้ประกอบการเรียกร้อง หรืออยากได้เพื่อประโยชน์ หรือก่อให้เกิดข้อได้เปรียบในการทำธุรกิจของตัวเองอย่าทำ ส่วนกรณีการร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด นปพ.ในครั้งนี้ว่าการเข้าไปตรวจในลักษณะที่ไม่เหมาะสมและทำเกินกว่าเหตุนั้น เรื่องนี้คิดว่าเป็นการพูดกันคนละที ถ้าฟังจากทางตำรวจก็บอกว่าไม่ได้ทำ ซึ่งก็ทำไปตามปกติของการเข้าไปตรวจค้น
อย่างไรก็ตาม ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจถ้าผู้ประกกกอบการคิดว่าการเข้าไปของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ถูกต้องก็ให้มาบอกต่อทางผู้บังคับบัญชา เหมือนกับที่ไปร้องเรียนกับตนเพื่อให้มีการลงไปตรวจสอบ ว่า การดำเนินการนั้นเป็นการกระทำที่มากไปหรือเปล่า หรือน้อยไปหรือเปล่า เพื่อที่จะได้มีการตรวจสอบซึ่งกันและกัน ซึ่งเรื่องนี้อย่างที่แจ้งให้ทราบว่าได้ประสานให้ทางผู้บัญชาการการตำรวจภูธรภาค 8 ให้ตรวจสอบแล้ว