ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 8 เน้นย้ำนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 8 ข้อที่ต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด จะต้องไม่มีการค้ามนุษย์ในพื้นที่โดยเด็ดขาด พร้อมกำชับให้ดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ตามนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล
เมื่อเวลา 13.30 น วันนี้ (7 ก.พ.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานมอบนโยบายให้แก่ข้าราชการตำรวจ ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 8 ที่ โรงแรม รอยัล ภูเก็ต ซิตี้ อ.เมือง จ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง.ผบ.ตร. พล.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ ที่ปรึกษา สบ 10 พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรสิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เข้าร่วม โดยมี พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 รวมทั้งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด รองผู้บังคับการตำรวจภูธร ผู้กำกับการ สารวัตใหญ่ ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งประกอบด้วย สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต พังงา กระบี่ ระนอง ชุมพร และนครศรีธรรมราช นอกจากนั้นยังมีข้าราชการตำรวจน้ำ ทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว และตำรวจตรวจคนเมือง เข้าร่วมกว่า 200 นาย
พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้นำเสนอปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาค 8 ว่า จังหวัดในพื้นที่ภาค 8 เป็นพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามัน แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก และสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล แต่มีปัญหาทั้งในเรื่องของกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และยานพานะที่มีไม่เพียงพอ รวมไปถึงงบประมาณที่มีจำกัด ซึ่งจะต้องมีการนำเสนอเพื่อขอกำลังเพิ่ม เพราะในแต่ละปีมีปัญหาที่เกิดขึ้นต่อนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เช่น คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ที่เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญ รวมไปถึงกรณีที่เรือโดยสารล่มที่อ่าวนาง จ.กระบี่ ปัญหาดังกล่าวทางตำรวจภูธรภาค 8 ได้วางมาตรการในการดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความมั่นใจ และความอบอุ่นใจให้แก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งมีการกวาดล้างกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล กลุ่มแท็กซี่ป้ายดำตามหน้าโรงแรมต่างๆ รวมไปถึงการจัดระเบียบชายหาดที่จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น
นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 ยังได้นำเสนอปัญหาการแพร่ระบาด และการจับกุมยาเสพติดคดีใหญ่ๆ การจับกุมขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวชาวโรฮิงญา การก่อสร้างสำนักงานตำรวจภูธรภาค 8 ที่บ้านไม้ขาว จ.ภูเก็ต ที่ขณะนี้ได้ก่อสร้างในส่วนของสำนักงาน และบ้านพักบางส่วน โดยจะมีการย้ายกำลังพลบางส่วนเข้ามาประจำที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.58 เป็นต้นไป และจะมีการเปิดสำนักงานในเดือนสิงหาคมนี้ โดยขณะยังขาดงบประมาณที่ใช้ในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และอื่นๆ อีก 148 ล้านบาท
นอกจากนั้น ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต จะมีการตั้งสถานีตำรวจสาคูเพิ่มขึ้น โดยแยกมาจาก สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อดูแลในส่วนของท่าอากาศยานภูเก็ตโดยเฉพาะ ในขณะเดียวกัน มีแผนที่จะสร้างที่พักรับรองในลักษณะบ้านพักตากอากาศ และศูนย์ฝึกอบรมที่บริเวณด้านหลัง สภ.ท่าฉัตรไชย โดยใช้งบทั้งสิ้น 794 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับงบแล้ว 199 ล้าน เหลือขอเพิ่มอีก 595 ล้าน
อย่างไรก็ตาม ตำรวจภูธรภาค 8 ยังได้เสนอแผนงานการตั้งสถานีตำรวจที่เกาะพีพี และอ่าวนาง จ.กระบี่ โดยแยกจาก สภ.เมืองกระบี่ เนื่องจากทั้ง 2 จุด อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองกระบี่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญคัญที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังมีจุดอื่นอีกหลาย สภ. ซึ่งการตั้งสถานีตำรวจในจุดท่องเที่ยวทำให้สามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี รวมทั้งได้รับความร่วมมือจากประชาชนในแต่ละพื้นที่ในการให้การสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การมาภูเก็ตในวันนี้มาเป็นตัวแทนรัฐบาลในการต้อนรับผู้แทนจากประเทศจีน จึงถือโอกาสมามอบนโยบายให้แก่ข้าราชการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งถือว่าเป็นภาคแรกที่เดินทางมาหลังรับตำแหน่ง โดยในวันนี้ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 6 เรื่อง ประกอบด้วย นโยบาย 8 ข้อของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คือ ปกป้องและพิทักษ์สถาบันพระมหากษัติย์ รักษาความมั่นคงของชาติและแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การป้องและแก้ไขปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันในวงราชการ ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การแก้ปัญหาการจราจรอย่างมีระบบและทันสมัย และจะต้องไม่ให้มีปัญหาเรื่องส่วย และสินบนโดยเด็ดขาด ต้องบริหารจัดการให้ตำรวจดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรี เป็นที่รักของประชาชน และเตรียมความพร้อมเข้าสู่ AEC
การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวนั้น ทางรัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องนี้มาก ซึ่งพื้นที่ภาค 8 นั้นมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาปีละหลายล้านคน จึงอยากฝากให้ตำรวจภูธรภาค 8 บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นในการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งกำหนดบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยให้ชัดเจน หากเกิดเหตุต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เป็นคดีใหญ่ๆ จะต้องตั้งศูนย์ปฎิบัติการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยให้จัดเจน และจะต้องรายงานคดีที่เกิดขึ้นต่อนักท่องเที่ยวให้สถานทูตของประเทศนั้นรับทราบ ไม่ว่านักท่องเที่ยวจะเป็นผู้เสียหาย หรือเป็นผู้ต้องหาก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้เรามีบทเรียนจากคดีที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานีมาแล้ว
ปัญหาการค้ามนุษย์เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ที่จะต้องดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน เพื่อรายงานไปยังสหรัฐอเมริกาในการลดระดับให้ไปอยู่ในระยะของเฝ้าระวัง จะต้องเข้มงวด และจับกุมให้หมด เพราะเรื่องนี้ไม่ได้มีเฉพาะตำรวจเท่านั้นที่ดำเนินการ แต่ยังมีหน่วยงานอื่นที่ดำเนินการเรื่องนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง ถ้าหน่วยอื่นเข้าจับกุมก็ไม่พ้นความรับผิดชอบของตำรวจ จะมาอ้างว่าได้สั่งการไปแล้ว ทำแล้ว หรือถูกกลั่นแกล้งไม่ได้อย่างเด็ดขาด
ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และปัญหาการก่อการร้าย ซึ่งจะต้องทำงานร่วมกับหน่วยอื่นด้วย เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 8
การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องมีความรู้ความสามารถในการสื่อสารกับคนต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในพื้นที่ เพราะเชื่อว่าภายหลังการเปิดประชาคมอาเซียนในปลายปีนี้แล้ว จะมีชาวต่างชาติในอาเซียนด้วยกันเดินทางมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เราจะต้องเตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน
สุดท้ายคือ การปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะมีการจัดประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ ถึงแนวทางในการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการให้เป็นไปในทิศทางใด โดยมีการตั้งคณะทำงานทั้งหมด 6 ชุด มี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.เป็นแม่งานใหญ่ โดยจะมีการจัดสัมมนาในวันที่ 10 ก.พ.นี้ ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ โดยความคิดเห็นจากตำรวจทุกหน่วยนั้น เมื่อตกผลึกแล้วจะนำเสนอไปยังรัฐบาลต่อไป
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวอีกว่า สำหรับการปฏิบัติงานของตำรวจภูธรภาค 8 ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ สถิติการจับกุมอาวุธปืน ระเบิด คนหลบหนีเข้าเมือง การค้าประเวณี มีสถิติจับกุมมากเป็นอันดับ1 ของประเทศ แต่จะต้องไปหามาตรการในการลดคดีฆ่าผู้อื่น คดีพยายามฆ่าผู้อื่นที่มีสถิติเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา