กระบี่ - รวบแก๊งวัยรุ่น 3 คน ก่อเหตุลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ และชิงทรัพย์ในพื้นที่อำเภอเมืองกระบี่ พร้อมของกลางหลายรายการ เบื้องต้น ผู้ต้องหาสารภาพก่อเหตุมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (6 ก.พ.) ที่ สภ.เมืองกระบี่ พล.ต.ต.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงศ์ ทิพย์อาภากุล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.ชัชวาล นิลจันทร์ สว.สส.สภ.เมืองกระบี่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมตัวแก๊งวิ่งราวทรัพย์ที่ก่อเหตุในหลายพื้นที่ของจังหวัดกระบี่ ได้ผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายอนุชิต หรือชิต คำพิลา อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92 ม.2 ต.เขาทอง อ.เมือง จ.กระบี่ นายมานัด หรือซอและ อินทร์พราห์ม อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/3 ม.3 ต.คลองประสงค์ อ.เมือง จ.กระบี่ และนายเสรี หรือรี ผิวดี อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 148 ม.7 ต.เหนือคลอง อ.เหนือคลอง จ.กระบี่
พร้อมด้วยของกลางรายการ เช่น โทรศัพท์มือถือ จำนวน 4 เครื่อง กระเป๋าหิ้วแบบผู้หญิง 1 ใบ กระเป๋าใส่เงิน 1 ใบ และเอกสารผู้เสียหาย เช่น บัตรประจำตัว บัตรเครดิต บัตร ATM รถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 125 สีดำ ทะเบียน ขกย 987 กระบี่ 1 คัน และทรัพย์สินอื่นอีกหลายรายการ
พ.ต.อ.สมพงศ์ กล่าวว่า ก่อนการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งนี้ เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายหลายรายทั้งในอำเภอเมืองกระบี่ และใกล้เคียงว่าว่า ในห้วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา ได้ร่วมกันก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์หลายครั้ง ในหลายพื้นที่ตามย่านชุมชน และพื้นที่อ่าวนาง แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก โดยมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 4 ราย จึงได้สั่งการเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ออกสืบสวนต่อเนื่อง จนกระทั่งทราบว่า 1 ใน ผู้ต้องหาคือ นายมานัด ซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวมาจอดที่บริเวณหน้าห้องแถวสองพี่น้อง ถนนร่วมใจชน ต.กระบี่ใหญ่ จึงได้ทำการตรวจค้นพบโทรศัพท์มือถือที่ขโมยมา เจ้าหน้าที่จึงทำการจับกุมตัวสอบสวนขยายผลพบว่า มีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 2 คน คือ นายอนุชิต และนายเสรี จึงได้ติดตามจับกุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ และวิ่งราวทรัพย์
ซึ่งนายมานัด หนึ่งในผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่า ได้เริ่มก่อเหตุมาตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยได้ไปขโมยรถจักรยานยนต์ของกลางมาจากตำบลหนองทะเล จากนั้นก็ตระเวนลักทรัพย์ และชิงทรัพย์ในพื้นที่เมืองกระบี่ หลายครั้ง แต่เท่าที่จำได้รวม 5 ครั้ง และก่อเหตุในพื้นที่อำเภอเหนือคลองและ อ.ลำทับด้วย โดยนำเงินที่ได้ไปเที่ยวเตร่ ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่ากลุ่มผู้ต้องหากลุ่มนี้ก่อเหตุมาแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ครั้ง ก่อนถูกจับกุมตัว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ประกาศให้ผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความมาตรวจสอบของกลาง และแจ้งความดำเนินคดีต่อไป