นครศรีธรรมราช - พ่อแม่ ญาติ พร้อมกับเพื่อนนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รวมประมาณ 100 คน ได้เดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังพบว่า คดีไม่คืบหน้า เชื่อมาจากฝีมือตำรวจที่หวงลูกสาวหลังผู้ตายไปติดพัน
วันนี้ (26 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.ที่ศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช นางรัชนีกร สุขราช อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 298 ม.6 ต.ช้างกลาง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมญาติพี่น้อง และนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมใน อ.ช้างกลาง ซึ่งเป็นเพื่อนของลูกชายคือ นายชุตินันท์ ศศิธร อายุ 17 ปี ที่ถูกยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 ม.ค.58 ที่ผ่านมา รวมประมาณ 100 คน ได้เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช
นางรัชนีกร ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมเกี่ยวกับการตายของ นายชุตินันท์ บุตรชาย ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.5 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ช้างกลาง ถูกยิงเสียชีวิตในคืนดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าผู้ก่อเหตุนั้นเป็นตำรวจคนหนึ่ง สาเหตุมาจากเรื่องที่ลูกชายไปติดพันลูกสาวของตำรวจนายนี้ และถูกข่มขู่มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นจริง กระทั่งในคืนเกิดเหตุลูกได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวของตำรวจนายนี้ให้ไปพบที่บ้าน
หลังจากติดตามข้อมูลพบว่า หลังจาก นายชุตินันท์ บุตรชายได้พูดคุยกับลูกสาวตำรวจนายนี้แล้วได้ขับรถกลับบ้าน ปรากฏว่า มีคนร้ายซึ่งมาทราบภายหลังว่า เป็นตำรวจซึ่งเป็นพ่อของนักเรียนสาวที่ลูกชายไปติดพันตามไปยิงจนเสียชีวิต แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทำการตรวจสอบชันสูตรศพได้ตั้งประเด็นว่าลูกไปขโมยใบพืชกระท่อมแล้วถูกเจ้าของตามยิง ซึ่งไม่ตรงต่อความเป็นจริง เมื่อไปสอบถามความคืบหน้าคดีนี้ ทางตำรวจก็บ่ายเบี่ยงไม่สนใจ บอกเพียงว่ายังไม่มีความคืบหน้า
การขอความเป็นธรรมในครั้งนี้ เพื่อมีการให้เร่งรัดดำเนินการทางกฎหมายต่อคนร้ายที่ยิงลูกชายซึ่งมีคนยืนยันว่า เป็นตำรวจรายนี้แน่นอน ส่วนการตายสาเหตุอื่นๆ นั้นไม่น่าจะมี เพราะลูกไม่เคยไปมีเรื่องขัดแย้ง หรือทะเลาะกับใครถึงขั้นต้องฆ่าแกงกัน และขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติงานของตำรวจ สภ.ช้างกลาง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ครอบครัวด้วย นางรัชนีกร ระบุในหนังสือร้องเรียน
ต่อมา นายณรงค์ กาฬวัจนะ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ลงมารับหนังสือจาก นางรัชนีกร พร้อมเชิญผู้มาร้องเรียนเข้าไปพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมรับปากว่าเรื่องนี้จะทำหนังสือถึงตำรวจ สภ.ช้างกลาง เจ้าของคดีมาชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมรายงานไปยังผู้บังคับการตำรวจภูธรจงหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้กำชับในคดีนี้ และจะให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ก่อนผู้มาร้องเรียนจะเดินทางกลับในที่สุด