ระนองเร่งสางปัญหาโรฮิงญาหลบหนีเข้าเมือง ใช้มาตรการจากเบาไปหนัก

ระนอง - จังหวัดระนอง แถลงข่าวการแก้ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายเข้าประเทศ เน้นมาตรการจากเบาไปสู่ความเข้มข้นตามลำดับ เพื่อหยุดขบวนการนำพาผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างเด็ดขาด

วันนี้ (19 ม.ค.) ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนแยก 1 ค่ายรัตนรังสรรค์ นายไมตรี ไตรติลานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกชุมพร พล.ท.สุจินต์ เอี่ยมปี รองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการที่ 2 กอ.รมน. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันแถลงข่าวการแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย

นายไมตรี ไตรติลานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า จากสถานการณ์ด้านการข่าว การจับกุมกลุ่มชาวโรฮิงญาในพื้นที่จนนำมาสู่การแก้ไขปัญหา โดยให้จังหวัดระนองเร่งรัดแก้ไขปัญหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายชาวโรฮิงญา และการค้ามนุษย์

จากสถิติการจับกุมที่ผ่านมาพบว่า จังหวัดระนอง เป็นจังหวัดต้นทางของขบวนการนำพาของผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และเพื่อให้ประเทศไทยพ้นจากสถานการณ์การค้ามนุษย์ (TEAR 3) จึงได้จัดให้มีการแถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางในการป้องกันปราบปราม และแก้ไขปัญหาที่ส่งผลสัมฤทธิ์อย่างจริงจัง

จากสถานการณ์ในปัจจุบัน ยังปรากฏภาพข่าวการกระทำความผิดอยู่ และยังไม่สามารถป้องกันการลักลอบกระทำความผิดด้านการค้ามนุษย์ได้ การบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่เหมือนไม่สนองตอบต่อนโยบาย และยังขัดต่อคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

โดยกรอบมาตรการในการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ตั้งแต่ออกหนังสือเชิญบุคคลเข้าร่วมกิจกรรมพบปะทำความเข้าใจเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนะคติ และเสริมสร้างความเข้าใจแล้ว ยังปรากฏข่าวสารเชื่อมโยงกับขบวนการนำพาอีกยังไม่ยุติบทบาท จะประสานให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเข้าดำเนินการตรวจสอบเส้นทางทางการเงินว่าได้มาโดยชอบหรือไม่อย่างไร

การดำเนินการดังกล่าวได้กำหนดขั้นตอนการดำเนินการแบ่งออกเป็นขั้นหลัก 3 ขั้น ดังนี้ 1.ขั้นเตรียมการเป็นการจัดระเบียบสังคมด้วยการออกหนังสือเชิญตัวบุคคล ผู้ประกอบการที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการค้ามนุษย์ และแรงงานต่างด้าว และบุคคลที่มีพฤติกรรมให้การสนับสนุนขบวนการนำพาในพื้นที่มาพบปะเพื่อมาทำความเข้าใจ ปรับเปลี่ยนทัศนะคติ และดำเนินการตามกรอบมาตรการในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ และแรงงานข้ามชาติชาวโรฮิงญา

2.ขั้นการกดดัน เป็นการดำเนินการตามกรอบมาตรการจากเบาไปถึงมาตรการเข้มข้นตามลำดับ ทั้งนี้ เรามุ่งเน้นเพ่งเล็งไปที่กลุ่มขบวนการจัดหานำพามากกว่าอย่างอื่น ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่เข้าพบปะเยี่ยมเยียนสร้างความเข้าใจ กดดันเป็นรายบุคคล เพื่อบังคับให้ยุติบทบาทต่อไปซึ่งเป็นนโยบายการป้องปรามการกระทำความผิดกฎหมายซ้ำอีก

และ 3.ขั้นการดำเนินคดีหลังจากใช้กรอบมาตรการขั้นต่างๆ ยังปรากฏภาพข่าว หรือปรากฏรายชื่อบุคคลใดยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการนำพาแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเกิดขึ้นอีก จะด้วยการสืบรวบรวมจากหน่วยข่าวในพื้นที่ หรือด้วยการขยายผลการซักถามจากการจับกุมก็ดี เราจะใช้มาตรการที่เข้มข้นดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยใช้ผลสรุปของสำนวนคดีแต่ละประเด็นที่เกี่ยวกับการจับกุมหลังจบคดีความ หรือระหว่างดำเนินคดีความทางกฎหมาย ถ้าประจักษ์ว่ามีบุคคลใดมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย “เหตุปัจจัยแห่งการฟอกเงิน” ให้ส่งเอกสารหลักฐานมูลเหตุถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่ออายัดทรัพย์ไว้ก่อน และดำเนินคดีไปสู่การยึดทรัพย์ตกทอดเป็นของแผ่นดิน

ด้าน พล.ท.สุจินต์ เอี่ยมปี รองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานปฏิบัติที่ 2 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กล่าวว่า ในส่วนของจังหวัดระนอง การสกัดกั้นไม่ให้โรฮิงญาหลบหนีเข้ามาในพื้นที่จังหวัดระนอง โดยได้ประสานกับตำรวจน้ำ ประมง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มมาตรการออกลาดตระเวน สกัดกั้น ตรวจจับไม่ให้ชาวโรฮิงญาเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากต้องการให้โรฮิงญาไปยังสู่จุดหมายที่ต้องการโดยไม่เข้ามาสู่ในเขตราชอาณาจักร