นราธิวาส - เจ้าหน้าที่เร่งกู้เรือบรรทุกน้ำมันปาล์มสัญชาติอินโดฯ ถูกกระแสลมพัดเกยตื้นติดโขดหินหาดชราทัศน์ จ.นราธิวาส พบมีคลื่นลมแรงทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยความยากลำบาก หวั่นใต้ท้องเรือกระแทกโขดหินทำให้น้ำมันปาล์มรั่วลงทะเล สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
วานนี้ (15 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้ากรณีลมกระโชกแรงได้พัดเรือบรรทุกน้ำมันปาล์มของประเทศอินโดนีเซีย ชื่อ SRICADI 151 มีขนาดของเรือยาว 80 เมตร ซึ่งเป็นเรือของกลางที่เจ้าหน้าที่กองเรือภาค 2 ด่านศุลกากรตากใบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ จ.นราธิวาส ได้ทำการตรวจยึดพร้อมน้ำมันปาล์ม จำนวนกว่า 2 ล้านลิตร และโจรสลัดอีก 8 คน เมื่อวันที่ 28 พ.ย.57 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำมาทอดสมอห่างจากชายฝั่งนราธิวาส ประมาณ 400 เมตร และถูกลมกระโชกแรงพัดมาติดโขดหินที่ชายหาดนราทัศน์นั้น
ล่าสุด นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการนราธิวาส พล.ต.ต.พัฒนวุธ อังคะนาวิน ผบก.ภ.จ.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่จากกองเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา ได้ร่วมสนธิกำลังส่งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทำการกู้เรือลำดังกล่าวให้ออกจากโขดหิน แต่เกรงว่าท้องของเรือจะไปกระแทกกับโขดหินจนเรืออับปางลงได้ ที่สำคัญน้ำมันปาล์มที่บรรทุกอยู่ในเรือ จำนวนกว่า 2 ล้านลิตร อาจจะรั่วลงทะเล และสร้างมลพิษ สร้างความเสียหายต่อชายหาดได้
แต่ด้วยอุปสรรคที่คลื่นลมแรงส่งผลทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่กล้าที่จะติดเครื่องเพื่อนำเรือออกจากจุดเกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าใบพัดเรือได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจใช้เรือลากของเอกชนที่มีกำลังขับเครื่องเกินกว่า 8,000 ตัน ในการลากเรือลำดังกล่าวซึ่งมีน้ำหนักประมาณ 7,000 ตัน ออกจากโขดหินให้เร็วที่สุด เนื่องจากหากมีแนวโน้มกระแสลมที่พัดกระโชกแรงกว้าที่เป็นอยู่ เรืออาจจะอับปางลงได้ในที่สุด
นอกจากนี้ หากเรือลำดังกล่าวทำการเก็บกู้ได้แล้ว เจ้าหน้าที่จากกองเรือภาคที่ 2 จะนำเรือลำดังกล่าวแล่นไปจอดทอดสมอที่น่านน้ำ จ.สงขลาต่อไป เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นซ้ำซ้อนขึ้นมาอีก แต่ล่าสุด ยังไม่สามารถลากเรือดังกล่าวได้ เนื่องจากกำลังลมแรงทำให้คลื่นสูง โดยเจ้าหน้าที่จะได้ทำการเก็บกู้เรือในวันรุ่งขึ้นอีกครั้ง