นราธิวาส -มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เปิดโรงพยาบาลประจำคณะแพทยศาสตร์ให้บริการคนในพื้นที่ และใช้ฝึกทักษะด้านการแพทย์ของคณะแพทยศาสตร์
วันนี้ (15 ธ.ค.) ที่อาคารโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ นายณัฐพงศ์ ศิริชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธานเปิดให้บริการแผนกผู้ป่วยนอก OPD เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนทั่วไปในพื้นที่
ทั้งนี้ โรงพยาบาลดังกล่าวถือเป็นโรงพยาบาลของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ในการฝึกวิชาชีพทางการแพทย์ให้แก่นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ซึ่งปัจจุบันมีนักศึกษาคณะแพทย์เป็นรุ่นที่ 9
สำหรับโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ในช่วงเปิดให้บริการแก่คนไข้ นอกจากจะมีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หมุนเวียนมาให้มาบริการ ซึ่งถือเป็นความร่วมมือระหว่างกันของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า และวิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า ในการพัฒนาหลักสูตรแพทยศาสตร์ พัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และให้ความช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาล
ด้าน พล.อ.อ.นพ.อวยชัย เปลื้องประสิทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการเปิดโรงพยาบาลแห่งนี้ว่า เป็นการเปิดขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ในการศึกษาสำหรับคณะแพทย์ของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เพื่อให้นักศึกษาได้เข้ามาศึกษาทั้งทฤษฎี และปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ โดยย้ายฐานการศึกษาจากโรงพยาบาลทั่วไปมาโรงพยาบาลแห่งนี้ อีกทั้งถือเป็นการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งโรงพยาบาลนี้จะต้องมีมาตรฐานดีกว่าโรงพยาบาลทั่วไป และที่สำคัญจะจัดระบบการเรียนการสอนโดยให้นักศึกษาแพทย์ลงพื้นที่ตามชุมชนมากขึ้น เพื่อเรียนรู้โรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ และนำมาศึกษา และเรียนรู้แนวทางในการรักษา ซึ่งจะทำให้นักศึกษาใกล้ชิดกับประชาชน
ด้าน นพ.จงเจษฎ์ ยั้งสกุล อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ กล่าวถึงโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ ว่า เป็นโรงพยาบาลที่เปิดโอกาสด้านการรักษาให้แก่ประชาชนในพื้นที่มากขึ้น และที่สำคัญเป็นโรงพยาบาลที่รองรับการเรียนการสอนทางการแพทย์ ซึ่งการเรียนแพทย์ไม่สามารถที่จะเรียนในห้องเรียนอย่างเดียวได้ จะต้องเรียนการปฏิบัติเพื่อเพิ่มทักษะ และความชำนาญให้แก่นักเรียนแพทย์
ซึ่งโรงพยาบาลแห่งนี้คาดว่าน่าจะเป็นโรงพยาบาลอีก 1 แห่ง ที่สามารถเป็นศูนย์เรียนรู้ของแพทย์ได้ โดยเริ่มตั้งแต่การวินิจฉัยโรค จนกระทั่งแนวทางรักษา ซึ่งแตกต่างจากโรงพยาบาลทั่วไปที่มุ่งเน้นในการรักษาอย่างเดียว ส่วนการดำเนินการแบบครบวงจรของโรงพยาบาลแห่งนี้คาดอีก 3 ปี นักศึกษาคณะแพทยศาสตร์จะเข้ามาเรียนรู้ได้เต็มรูปแบบ