นราธิวาส - นักศึกษารามฯ กว่า 80 คน พร้อมกับทหารพราน 46 นราฯ ร่วมสร้างอาคารเรียนศาสนาแก่เด็ก ตามนโยบายร่วมใจสร้างสันติจังหวัดชายแดนใต้ เพื่อส่งเสริมสันติสุขในพื้นที่ พูดย้ำ “อย่าถามแผ่นดินนี้จะให้อะไรคุณ แต่ควรถามว่าคุณจะตอบแทนแผ่นดินได้อย่างไร”
วันนี้ (12 ธ.ค.) ภายใต้การนำของ พ.อ.เอกธวุฒิ คงคาเขตร ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 46 พ.ต.อ.จุมพล นาคะปักษิณ ผกก.สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส พร้อมด้วย นายเสถียร มีศรี ปลัดอำเภอจะแนะ ได้เดินทางไปที่บริเวณมัสยิดซอลาฮูดีน บ้านไอร์กือซา ม.3 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ เพื่อตรวจเยี่ยมกลุ่มนักศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่ม P.N.Y.S มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชายและหญิง จำนวน 80 คน ซึ่งได้ทำกิจกรรมเพื่อก่อสร้างอาคารเรียนตาดีกา สอนศาสนาอิสลามและจริยธรรม
ทั้งนี้ เพื่อรับฟังปัญหาข้อขัดข้อง และความเป็นอยู่ในพื้นที่ หลังกลุ่มนักศึกษาฯ 80 ชีวิต ลงพื้นที่เสี่ยงตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมแรงร่วมใจก่อสร้างอาคารให้แล้วเสร็จ โดยพัก และอาศัยที่มัสยิดดังกล่าว ในการนี้ทาง พ.อ.เอกธวุฒิ ผู้บังคับการทหารพรานที่ 46 ได้มอบเงินสบทบร่วมโครงการสร้างอาคารเพื่อซื้อปูน กระเบื้อง และหลังคา พร้อมค่าอาหารให้จำนวนหนึ่ง
นายอนัส ตันธนวัฒน์ ประธานกลุ่มนักศึกษา กล่าวว่า ทางกลุ่มนักศึกษาได้เลือกพื้นที่ ต.ช้างเผือก เพราะมองว่าเป็นพื้นที่ห่างไกลความเจริญ และเป็นพื้นที่เสี่ยงเหตุการณ์ความไม่สงบ ประกอบกับตัวอาคารหลังเก่าได้ชำรุดทรุดโทรม เนื่องจากจากเหตุอุทกภัยน้ำท่วม ทำให้เด็กในพื้นที่ไม่มีที่เรียนศาสนาอิสลามในลำดับต้น ซึ่งทางกลุ่มนักศึกษาได้ระดมทุนเพื่อขอบริจาคจากคนในพื้นที่ กทม.ได้งบประมาณ 250,000 บาท และได้รับเงินการสบทบจาก กรมทหารพราน 46 อีกรวมแล้วประมาณ 3 แสนบาทเศษ เริ่มก่อสร้างแล้ว และคาดจะแล้วเสร็จเพื่อส่งมอบในวันที่ 19 ธ.ค.นี้
ทั้งนี้ อาคารจะมีความกว้าง 8 คูณ 20 เมตร เป็นอาคารชั้นเดียว โดยการก่อสร้างเป็นการร่วมใจ ของนักศึกษา และชาวบ้าน และทหารในพื้นที่ ซึ่งโรงเรียนเป็นที่สำคัญที่จะอบรมบุตรหลานให้เป็นคนดี มีความสามัคคี และการให้ความร่วมมือร่วมใจ ลดความระหวาดระแวง ลดช่องว่างระหว่างภาครัฐประชาชน เป็นการส่งเสริมการสร้างสันติสุขในพื้นที่ และเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเราก็ช่วยกันได้เพราะทุกคนอยากเห็นความสันติสุขเกิดขึ้น
ขณะที่ น.ส.นูอาซีกีน ตาเฮ นักศึกษาหญิงที่ร่วมกิจกรรม กล่าวว่า ครั้งแรกที่จะต้องเดินทางมาพื้นที่จะแนะ ความรู้สึกกลัวมีขึ้นมาทันที แต่ด้วยใจคิดว่า เรามาทำดี และเมื่อลงพื้น และอยู่ร่วมกันสัมผัสชาวบ้าน รู้สึกถึงมิตรภาพ และความจริงใจของพื้นที่ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ใครคิด ในส่วนนักศึกษาหญิงก็ทำหน้าที่ก่ออิฐตามความสามารถร่วมสร้างอาคารด้วย และจะบอกว่า ที่นี่ไม่มีระบบโทรศัพท์มือถือ ยังใช้ไม่ได้ เพราะห่างไกลความเจริญ การที่เลือกพื้นที่นี้จึงเหมาะสมในการช่วยเหลือน้อง และชาวบ้านในพื้นที่ อยากจะฝากว่าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่เลวร้ายอย่างที่คิด ยังมีสิ่งที่ดีงามมากมาย ก่อนจะตอกย้ำว่า “อย่าถามแผ่นดินนี้จะให้อะไรคุณ แต่ควรถามว่าคุณจะตอบแทนแผ่นดินได้อย่างไร”
ทางด้าน พ.อ.เอกธวุฒิ คงคาเขตร ผู้บังคับการ กรมทหารพรานที่ 46 เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่กำลังเยาวชนนักศึกษาระดับอุดมศึกษาจบออกมาจะเป็นพลังความคิดของชาติ ซึ่งทางกรมทหารพรานที่ 46 ได้น้อมนำกระแสพระราชดำรัส “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และรับนโยบายกองทัพบก เพื่อดูแลความปลอดภัยประชาชนในพื้นที่ รวมถึงผู้ที่เดินทางเข้าในพื้นที่ เพื่อป้องกันเหตุความไม่สงบ และพร้อมสนับสนุนกิจกรรมงานที่ได้ประโยชน์ต่อประชาชน และขอให้กำลังใจนักศึกษาที่เสียสละเวลาลงพื้นที่ เพื่อสร้างอาคารให้เด็กเรียน ซึ่งนับเป็นพลังขับเคลื่อน ความสามัคคี และยืนยันว่า พร้อมจะให้ความร่วมมือทุกด้าน เพราะการสร้างความสงบสุขทุกคนต้องช่วยกัน ความสันติสุขจะเกิดขึ้นได้ ส่วนผู้เห็นต่าง และจับอาวุธอยู่ เราจะใช้หลักให้ความเข้าใจ เน้นนโยบายกองทัพภาค 4 นำคนกลับบ้าน เพื่อเป็นผู้ร่วมพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่นคงต่อไป