นราธิวาส - ตำรวจน้ำนราฯ บุกจับเรืออินโดฯ แล่นรุกล้ำน่านน้ำไทย เบื้องต้นจากการตรวจสอบไม่พบเอกสารใดๆ พบเป็นเรือที่ถูกปล้นในประเทศอินโดฯ เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมรวบรวมลูกเรือได้ทั้งหมด 8 คน น้ำมันดิบใต้ท้องเรืออีกกว่า 2 ล้านลิตร รวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท
วันนี้ (28 พ.ย.) เจ้าหน้าที่จากกองกำกับการ 7 กองบังคับการตำรวจน้ำ สนธิกำลังร่วมกับกองทัพเรือภาคที่ 2 เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรตากใบ และเจ้าหน้าที่เจ้าท่านราธิวาส เข้าตรวจสอบเรือน้ำมันของอินโดนีเซีย Sricadi 515 ที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ขณะแล่นผ่านน่านน้ำนราธิวาสเมื่อวานนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมเรือมาทำการตรวจสอบอย่างละเอียด
โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบเอกสารทางราชการใดๆ และเรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ถูกปล้นในประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา และมีการประสานให้พื้นที่มีการค้นหา จากการตรวจสอบบนเรือมีลูกเรือชาวอินโดนีเซียทั้งหมด 8 คน มีมีด ขวาน เป็นอาวุธ และมีน้ำมันปาล์มดิบที่เก็บในถังน้ำมันใต้ท้องเรืออีก 2 ล้าน 7 แสนลิตร
ด้าน พ.ต.ต.พุทธินันท์ พุทธิรานนท์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจน้ำนราธิวาส กล่าวว่า จากการสอบสวนในขั้นต้นนี้ลูกเรือทั้ง 8 ได้แล่นมาบริเวณน่าน้ำนราธิวาส และปัตตานีประมาณ 6 วันก่อนหน้านี้ โดยมีการซื้อขายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่นายหน้าชาวอินโดนีเซียในพื้นที่ปัตตานี ไปแล้ว 3 แสนลิตร และได้ล่องเรือตามน่านน้ำเรื่อยมาเพื่อรอการจำหน่ายน้ำมัน อีกทั้งเรือลำดังกล่าวน้ำมันใกล้หมดจึงไม่สามารถแล่นได้ไกล
ส่วนลูกเรือทั้ง 8 หลังจากนี้จะถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมายโดยส่งไปให้ตำตรวจภูธรเมืองนราธิวาส เป็นผู้ดำเนินคดี ขั้นต้นแจ้งข้อหาผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ร.บ.เดินเรือ สำหรับเรือน้ำมันได้ประสานสถานทูตอินโดนีเซีย ให้เข้ามาตรวจสอบเพื่อประสานเจ้าของเรือที่แจ้งหายในประเทศอินโดนีเซียต่อไป
ผู้กำกับการสถานีตำรวจน้ำนราธิวาส กล่าวด้วยว่า การยึดเรือบรรทุกน้ำมันโดยเป็นน้ำมันปาล์มดิบในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ยึดได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลก แต่คาดว่าขยายผลได้ไม่ยาก เนื่องจากในพื้นที่ภาคใต้มีโรงกลั่นน้ำมันดิบไม่กี่แห่ง ส่วนมูลค่าน้ำมันดิบที่ยึดได้ครั้งนี้รวมแล้วกว่า 60 ล้านบาท