ปัตตานี - คืบหน้าเหตุเจ้าหน้าที่ปะทะเดือดโจรใต้ถูกวิสามัญดับ 2 ราย ที่ปัตตานี ด้านทหารลงพื้นที่ซ่อมแซมความเสียหายของตัวบ้าน พร้อมทำความเข้าใจชาวบ้านถึงเหตุจำเป็นที่ต้องวิสามัญคนร้าย พบทั้ง 2 ราย เป็นแกนนำสำคัญระดับ RKK เคยก่อดดีความมั่นคงมาแล้วอย่างโชกโชน
จากกรณีกำลัง 3 ฝ่าย เข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายจนเกิดการยิงปะทะ และมีคนร้ายเสียชีวิต 2 ศพ ทราบชื่อคือ นายอับดุลเลาะห์มาน เจ๊ะเตะ มีหมายจับ 47 หมาย และนายรุสลี แบรอสาแม มีหมายจับ 10 หมาย ทั้ง 2 เป็นระดับแกนนำสั่งการปฏิบัติการกลุ่ม RKK เหตุเกิดในพื้นที่ ม.3 บ้านโคกตะโหนด ต.คอลอตันหยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา จากเหตุดังกล่าว ยังสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย 3 ราย เข้าสู่กระบวนการซักถามที่หน่วยซักถาม กรมทหารพรานที่ 43
ขณะที่ความคืบหน้าเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะนั้น หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 24 ซึ่งเป็นหน่วยลูกรับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ ระดมหน่วยกองพันทหารช่างเก็บกวาด และช่วยซ่อมแซมความเสียหายของตัวบ้านทั้งหลังที่เสียหายจากการปะทะให้คืนกลับสู่สภาพปกติ และเยียวยาด้านจิตใจ พร้อมทั้งจัดชุดตัวแทนของทั้ง 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ และปกครอง ลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกลุ่มผู้นำศาสนา และชาวบ้านชุมชนเกิดเหตุ ถึงความจำเป็นที่ต้องตอบโต และวิสามัญคนร้ายนั้น ได้ทำไปตามขั้นตอน และกรรมวิธีเจรจาตามหลักสากล และนโยบายของแม่ทัพภาคที่ 4 ที่สั่งการให้ดำเนินไปตามกรรมวิธีขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก และป้องกันไม่ให้มีเหตุรุนแรง ซึ่งผู้นำชุมชนเองก็เข้ามามีส่วนร่วมในขั้นตอนช่วยเจรจา ทุกคนเข้าใจ และพร้อมที่จะช่วยชี้แจ้งทำความเข้าใจกับชาวบ้านต่อไป
สำหรับความคืบหน้าด้านคดีนั้น พล.ต.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับกองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า ทีมแพทย์ร่วมกับชุดตรวจพิสูจน์หลักฐาน พนักงานสืบสวนสอบสวนได้ร่วมกันตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลทั้ง 2 ศพ โดยหน่วยปฏิบัติยืนยันตรงกันว่า เป็นศพของนายอับดุลเลาะห์มาน เจ๊ะเตะ และนายรุสลี แบรอสาแม แกนนำกลุ่มก่อเหตุรุนแรงคนสำคัญ ที่ก่อเหตุมาอย่างโชกโชน รวมทั้งจากการยืนยันของผู้ต้องสงสัยที่มอบตัวก่อนการปะทะ 1 ใน 3 คน คือ นายอารัลซู มามะ ตรวจสอบประวัติแล้วพบเป็นบุคคลตามหมายจับ หนีคดี ป.วิอาญาคดีความมั่นคง ซึ่งได้ให้การว่ารู้จัก 1 ในผู้เสียชีวิตคือ นายอับดุลเลาะห์มาน โดยหลังการตรวจพิสูจน์เสร็จสิ้นทางญาติได้เดินทางมารับทั้ง 2 ศพ ที่โรงพยาบาลหนองจิก กลับไปประกอบพิธีฝังตามหลักของศาสนาอิสลามที่ภูมิลำเนาในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลาแล้ว
ในส่วนของผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ได้สั่งให้เร่งทำการซักถามขยายผล และสอบประวัติหาความเกี่ยวโยงกับขบวนการ โดยขั้นต้นคาดว่า การนัดรวมตัวครั้งนี้เพื่อวางแผนเตรียมการก่อเหตุร้าย ซึ่งทางการข่าวมีการแจ้งเตือนพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วมในหลายพื้นที่ก่อนนี้แล้ว ส่วนอาวุธปืน .357 ที่ยึดได้จากศพ นายรุสลี ผลตรวจหมายเลขทะเบียนปืนพบเป็นปืนของนายสารัตน์ ที่ถูกคนร้ายยิงเสียชีวิต และชิงปืน เหตุเกิดในพื้นที่ อ.แม่ลาน เมื่อวันที่ 24 ต.ค.52