ร้อยเอ็ด - ฉายเดี่ยว! คนร้ายใส่หมวกไอ้โม่งทุบกระจกฉกปืนบาเรตต้า 9 มม.จากร้านขายปืนชื่อดังกลางเมืองอุกอาจหนีลอยนวล
เมื่อเวลาประมาณ 15 30 น.วันนี้ (26 พ.ย.) พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนประณีต ผบกภ.จว.ร้อยเอ็ด พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิงห์ทอง พลลา รอง ผบก. พ.ต.อ.วีระวัฒน์ สระบัว ผกก.สภ.เมืองร้อยเอ็ด และ พ.ต.ต.อดุลย์ จุดศรี พนักงานสอบสวนเวรชำนาญการ สภ.เมืองร้อยเอ็ด เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่ร้านจำหน่ายปืน พ.การค้า เลขที่ 377-379 ถ.ผดุงพานิช ต.ในเมือง อ.เมือง ร้อยเอ็ด
หลังได้รับแจ้งเหตุจาก นายธานินทร์ หิรัญโชติ เจ้าของร้านว่า มีคนร้ายทุบกระจกตู้จำหน่ายปืน ฉกอาวุธปืนสั้นไปได้ 1 กระบอก แล้ววิ่งหนีไป
จากการสอบปากคำ นายโกวิทย์ พวงพิลา พนักงานจำหน่ายปืนทราบว่า ขณะที่พนักงานในร้านกำลังนั่งทำงานกันอยู่ภายในร้าน จู่ๆ ก็เกิดสียงดังคล้ายรถชนกัน และมีเสียงกระจกแตกตามมา จึงมองออกไปที่หน้าร้าน พบว่า มีชายอายุคาดว่าไม่เกิน 30 ปี ใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีม่วง กางเกงยีนส์ ใส่หมวกโม่ง กำลังทุบกระจกด้วยขวดเครื่องดื่มชูกำลังจนกระจกแตก แล้วฉกปืนปืนพกสั้นบาเรตต้า รุ่น เอ 1-692538 หมายเลขทะเบียน กท.58201681 ราคา 66,000 บาท ที่โชว์ ในตู้พร้อมแมกกาซีนวิ่งออกไป
พนักงานทุกคนได้วิ่งไล่ แต่คนร้ายได้หันกระบอกปืนใส่ทำให้ต้องหยุดชะงัก แล้วคนร้ายก็วิ่งหลบหนีไป และหลังจากหายตกใจ และคิดได้ว่าปืนที่คนร้ายชิงไปไม่มีกระสุนในแมกกาซีน จึงวิ่งไล่ตามไปอีก ปรากฏว่า คนร้ายได้วิ่งเข้าในในวัดราษฎร์ศิริ แล้วขับรถจักรยานยนต์ไม่ทราบยี่ห้อ หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดภาพในกล้องวรจรปิด ปรากฏว่า ไม่สามารถจับภาพคนร้ายที่ก่อเหตุได้ เห็นเพียงเท้าของผู้ก่อเหตุ ในขณะที่กล้องอีกตัวจับภาพในระยะไกลเห็นเพียงคนร้ายใส่หมวกไอ้โม่งเดินมาทางด้านข้างของร้าน แล้วควักขวดออกจากกระเป๋าหลังมาทุบตู้กระจกชิงปืนไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด และให้ชุดวิทยาการมาเก็บรอยนิ้วมือแฝง เพื่อสืบหาคนร้ายที่ก่อเหตุอุกอาจรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนประณีต ผบกภ.ภ.จว.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าอุกอาจมาก ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองร้อยเอ็ดมาก่อน ลักษณะของการทำงานคนเดียว และรู้จุดที่จะทุบเป็นอย่างดี แสดงว่าอาจจะเคยมาดูลาดเลาแล้ว
จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนสอบสวนทำการเก็บข้อมูลภาพจากกล้องวงจรปิดในร้านทุกตัวย้อนหลังไป 1 สัปดาห์ เพื่อนำตำหนิรูปพรรณ และลักษณะของคนมาเปรียบเทียบ พร้อมกับให้นำภาพที่บันทึกไว้ได้ในส่วนที่เห็นตัวคนร้ายนำไปตรวจสอบกับทะเบียนประวัติอาชญากรของจังหวัด เพื่อเร่งติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีต่อไป