xs
xsm
sm
md
lg

โฆษก กอ.รมน.ภ.4 สน. แจง “ยังต้องใช้ทหารเป็นหลักดูแลความปลอดภัยในพื้นที่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยะลา - “พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์” โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงแผนการปฏิบัติงานและนโยบาย ประจำปี 2558 สร้างสันติสุขชายแดนใต้ ระบุการดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ยังคงต้องใช้กำลังทหารเป็นหลัก พร้อมสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชน เร่งขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยสันติสุขให้เกิดขึ้นโดยเร็ว 

วันนี้ (9 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2557 ที่ผ่านมา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงแผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และนโยบายขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธาน ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจจังหวัด ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ และหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม

“ทั้งนี้ แผนเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2558 ซึ่งเป็นแผนงานหลักของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สอดคล้องต่อนโยบายการบริหารจัดการ แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาล ผ่านคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหา และพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้แผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหา และพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2558-2560 เป็นกรอบในการดำเนินงานทั้ง 7 กลุ่มภารกิจงาน ได้กำหนดความเร่งด่วนของงานออกเป็น 4 ประการ ประกอบด้วย

การเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัย และลดพื้นที่เขตอิทธิพล มุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งของหมู่บ้าน และการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแทรกซ้อน การสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน มุ่งเน้นพัฒนากระบวนการยุติธรรมให้เสมอภาค โปร่งใส และตรวจสอบได้ เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติตามกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด การสร้างความเข้าใจให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย และเร่งรัดขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต ให้สอดคล้องต่อความต้องการของประชาชน และเน้นการมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว

โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังได้กล่าวอีกว่า สำหรับการวางกำลังให้เหมาะสมต่อระดับของพื้นที่ โดยมุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กำลังฝ่ายพลเรือน และภาคประชาชน ให้มีความเข้มแข็งให้สามารถดูแลพื้นที่แทนกำลังทหารหลัก และเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระยะที่ 3 การเสริมสร้างสันติสุข และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยมุ่งเน้นบูรณาการทุกกลไกแก้ปัญหาให้เกิดความเป็นเอกภาพ และสนับสนุนงานด้านความมั่นคง รวมทั้งตอบสนองต่อความต้องการของพื้นที่ และพี่น้องประชาชนด้วยการปฏิบัติงานเชิงรุกในทุกมิติ ทั้งทางการทหาร และทางการเมือง เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ตามแนวทางการเมืองนำการทหาร เพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งในทุกมิติ เพื่อนำสันติสุขกลับคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป

“สำหรับนโยบาย และข้อเน้นย้ำเพิ่มเติมของ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 ต้องการให้ปี 2558 เป็นปีแห่งการปฏิบัติการเชิงรุกในทุกมิติ โดยมุ่งเน้นการรุกทางการเมืองและการสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น เพื่อขยายผล และดำรงความต่อเนื่องจากปี 2557 ให้ประชาชนมีความพอใจ เป็นที่พึ่ง และมีความเชื่อมั่นศรัทธาภายใต้แนวคิด ชนะจิตใจ นำไปสู่การชนะความคิด โดยใช้แนวทางสันติวิธี ภายใต้หลักกฎหมาย หลักสิทธิมนุษยชน และเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ โดยมุ่งเน้นงานด้านการข่าวเชิงรุกที่จะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์ด้านยุทธการ และการสนับสนุนการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข

สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มุ่งเน้นการป้องกันเหตุการณ์บนถนน และเขตเมืองเศรษฐกิจ โดยเพ่งเล็งพื้นที่สนับสนุนการก่อเหตุรอบเขตพื้นที่เมืองด้วยการใช้มาตรการทั้งเชิงรุก เพื่อติดตามจับกุม และจำกัดเสรีของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เน้นการใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และพยานหลักฐานเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยต้องคำนึงถึงผลทางการเมือง ด้วยการใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ตามกฎการปะทะและหลักกฎหมาย รวมทั้งจะต้องเข้าไปสร้างความเข้าใจต่อผู้นำศาสนา เครือญาติ และพี่น้องประชาชนโดยทันที เพื่อป้องกันการบิดเบือนข้อเท็จจริงของฝ่ายตรงข้าม

สำหรับมาตรการเชิงรับ มุ่งเน้นเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ฝ่ายพลเรือน และกำลังภาคประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน เพื่อแบ่งเบาภาระกำลังทหารหลัก ในการดูแลความปลอดภัยพื้นที่ เส้นทาง และเป้าหมายอ่อนแอ นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำการปฏิบัติของกำลังพลทุกระดับไม่ให้สร้างเงื่อนไข ที่จะส่งผลเสียต่องานการเมือง ทั้งในด้านการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม การเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน และการสนับสนุนกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข จังหวัดชายแดนภาคใต้

รวมทั้งการบูรณาการกลไกแก้ปัญหา โดยเฉพาะแผนงานโครงการ และงบประมาณ โดยขับเคลื่อนผ่านศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ สภาสันติสุขตำบล และคณะกรรมการหมู่บ้าน ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของพี่น้องประชาชนให้เป็นไปตามแผนชุมชน/หมู่บ้าน ซึ่งได้จากการจัดเวทีประชาคมเพื่อสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ภายใต้หลักคิดพื้นฐานที่สำคัญ คือ ยิ้มแย้มแจ่มใส ตั้งใจสนทนา วาจาไพเราะ สงเคราะห์เอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือเจือจุน ปรับทุกข์ผูกมิตร ร่วมคิดร่วมทำ ร่วมกินร่วมอยู่ ร่วมเรียนรู้” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น